CHINDIA เป็นคำเชื่อมโยงสองประเทศ “China+India” ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่ามีประชากรมากที่สุดในโลก รวมกันกว่า 2.7 พันล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของโลก
ทั้งสองประเทศพึ่งพาอาศัย ค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างกัน โดยจีนมีความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมหนัก ส่วนอินเดียก็มีความโดดเด่นด้านสินค้าสนับสนุน ส่งผลให้เศรษฐกิจสองประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกัน สร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาค มีการก่อตั้งกลุ่ม “บริกส์” ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และ แอฟริกาใต้ ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็น “มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่”
การพบกันระหว่าง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เมื่อเดือนตุลาคม 2019 ระหว่างการประชุมซัมมิต ที่ภาคใต้ของอินเดีย การพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ นานเกือบ 7 ชั่วโมง คือการให้คำมั่นสัญญา ที่จะเอาชนะความไม่สมดุลทางการค้าที่มีอยู่ โดยพยายามจะโฟกัสไปยังผลประโยชน์ต่างๆ ที่มีร่วมกัน ก้าวข้ามประเด็นปัญหาที่ขัดแย้ง โต้เถียงกันมาอย่างยาวนาน
การกล่าวปาฐกถาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมภาคธุรกิจของ BRICS ที่แอฟริกาใต้ ความตอนหนึ่ง ตอกย้ำให้เห็นถึงเจตนารมณ์การจัดตั้งกลุ่ม BRICS ว่า ต้องการรักษา “สันติสุขและเสถียรภาพ” เป็นเป้าหมายสำคัญ นั่นคือสิ่งที่คนทั้งโลกฝันอยากให้เป็น
จีนกับอินเดีย ประชากรสองประเทศรวมกันเท่ากับ 35% ของโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) เท่ากับ 21.5% ของโลก เป็นทั้งประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ และเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่สำคัญ ทั้งสองประเทศ มีผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง ในหลายด้าน แม้จะเผชิญกับปัญหา ที่เกิดจากสถานการณ์ชายแดนอยู่ก็ตาม แต่อินเดียมีความตั้งใจ ที่จะหาทางออกจากความขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยวิสัยทัศน์ทางประวัติศาสตร์ การคิดเชิงกลยุทธ์ และทัศนคติที่เปิดกว้าง เพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ กลับคืนสู่เส้นทางที่ดีและสร้างสรรค์
หากทั้งสองประเทศหันหน้าเข้าหากัน ทำลายความบาดหมางต่างๆ ให้สิ้นซาก และพยายามสร้างความสัมพันธ์ด้วยคอนเซ็ปต์ “CHINDIA” ย่อมเป็นคุณูปการต่อโลกยุคใหม่ แต่ก็คงไม่ง่าย เพราะมหาอำนาจในอีกซีกโลก ย่อมไม่ปลื้มกับนโยบาย จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ของจีนกับอินเดียแน่นอน
