“วัชระ กัดไม่ปล่อย ! จี้พีระพันธุ์ เหตุยกเลิกก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง และจะย้ายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปภาคตะวันตกโดยไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับผิดชอบและก่อสร้าง แต่กลับจะให้บริษัทเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแทน กฟผ. อีกทั้งปัญหาค่าไฟฟ้ามีราคาแพงมหาศาลและมีราคาสูงที่สุดกว่าเดิม ในยุคของนายพีระพันธุ์เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะไม่เป็นการปล้นประชาชนหรืออย่างไร?”
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อค้ดค้านและสอบถามว่า เหตุใดในยุคที่นายพีระพันธุ์เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จึงยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง และเหตุใดค่าไฟฟ้ามีราคาแพงมากที่สุด
โดย นายวัชระ เปิดเผยว่า “ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการยกเลิกก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง และค่าไฟฟ้ามีราคาแพง และตามที่ปรากฏในเฟสบุ๊กชื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ท่านออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ต่อสาธารณชนบอกเล่าการทำงานให้พี่น้องประชาชนทราบว่าช่วงผ่านมาได้ทำอะไรไปแล้ว กำลังทำอะไรอยู่แล้วจะต้องทำอะไรต่อไป เพื่อให้ประเทศของเราก้าวสู่ความมั่นคง เป็นธรรมและยั่งยืนด้านพลังงานนั้น
เมื่อครั้งที่ท่านดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เกิดภาพจดจำของพี่น้องประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชาวภาคใต้ว่าท่านเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารกระทรวงพลังงาน เพราะเหตุใด ท่านจึงได้กระทำ 3 เรื่องดังต่อไปนี้
1.ยกเลิกก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรงที่จะสร้างตามแผน PDP 2018
2.ย้ายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปภาคตะวันตกโดยไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับผิดชอบและก่อสร้าง แต่กลับจะให้บริษัทเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแทน กฟผ. ใช่หรือไม่
3.ปัญหาค่าไฟฟ้ามีราคาแพงมหาศาลและมีราคาสูงที่สุดกว่าเดิมในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาเกิดในยุคของท่านเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ผมได้ยื่นหนังสือคัดค้านการยุบเลิกโรงไฟฟ้าและค่าไฟมีราคาแพงให้กับท่านเมื่อคราวไปตรวจราชการเยี่ยมสถานที่สร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ตำบลเขาหัวควาย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ท่านก็กล่าวหาข้าพเจ้าว่า “ไปเอาข้อมูลบ้า ๆ มาจากไหน” และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ได้แถลงต่อสื่อยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลยุบเลิกโรงไฟฟ้าเป็นเรื่องจริงปรากฏหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ตามแถลงการณ์ สร.กฟผ. แต่ท่านก็ไม่ดำเนินการให้แต่ประการใด
ดังนั้น พี่น้องประชาชนพื้นที่ภาคใต้จึงขอให้กระทรวงพลังงานดำเนินการบรรจุการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรงไว้ในแผน PDP 2024 ให้เหมือนเดิม อย่าปล้นโรงไฟฟ้าไปจากชาวสุราษฎร์ธานีและชาวภาคใต้
อนึ่งต้องขอขอบคุณสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ โดยให้พนักงานไต่สวนและคณะ ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย ป.ป.ช. กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนจากการยกเลิกโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง”
นายวัชระกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “หากปล่อยให้มีการยกเลิกโรงไฟฟ้าดังกล่าว และย้ายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปภาคตะวันตก ให้บริษัทเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแทน กฟผ. จะไม่เป็นการปล้นประชาชนหรืออย่างไร?”…