การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของจีน ได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็น “บาซูก้า” ชุดใหญ่ เพราะครอบคลุมเข้าเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทั้งการแจกเงินในกลุ่มคนเปราะบาง การแจกคูปองให้กลุ่มนักท่องเที่ยว การลดดอกเบี้ยนโยบาย การใส่เงินเข้าไปในตลาดทุน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต่างกับยิงปืนหลายนัด ได้นกทั้งฝูง
ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่า นโยบายแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางนั้น รัฐบาลจีนดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เช่น แจกให้กลุ่มผู้สูงอายุ ใครยิ่งอายุยืนยาว ยิ่งแจกมาก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้คนอยากมีอายุยืนยาว อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มบุคคลทั่วไป จีนไม่นิยมแจกเงิน ดังสุภาษิตว่า ไม่ให้ปลา แต่สอนวิธีตกปลา ซึ่งยั่งยืนกว่า
สำหรับมาตรการหลักๆ ที่รัฐบาลจีนทำในครั้งนี้ คือ การกระตุ้นกำลังซื้อ สร้างความเชื่อมั่นในภาคประชาชน และนักลงทุนจากต่างประเทศ จีนออกมาตรการครั้งนี้ เหมือนยิงกระสุนหลายนัด เพื่อได้นกทั้งฝูง เพราะครอบคลุมหลายส่วน มีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปรับลดสัดส่วนสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ ที่เรียกว่า RRR ซึ่งเขาปรับลดมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหหลายปีที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ปรับลดลงไปอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ตอนนี้ระดับ RRR อยู่ที่ประมาณ 6.6 เท่านั้นเอง คือสถาบันการเงินรับเงินฝากมา เก็บสำรองแค่ 6.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำมาก
ดร.วิบูลย์กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าว หมายถึงการเพิ่มเม็ดเงิน 1 ล้านล้านหยวน ที่ธนาคารพาณิชย์ สามารถนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับภาคการผลิต ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมเอสเอ็มอี หรือกิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ นั่นเท่ากับว่า เขามุ่งหวังที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ภาคการผลิตให้ดีขึ้น และมีการประเมินว่า เม็ดเงินเหล่านี้ จะไหลไปในอุตสาหกรรมที่เป็นไฮเทค เป็นอุตสาหกรรมคุณภาพสูงยุคใหม่ ที่จีนกำลังผลักดันในสัดส่วนที่สูงขึ้น พูดง่ายๆคือ นำเม็ดเงินเหล่านี้ ไปปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศนั่นเอง
อีกส่วนหนึ่งคือการใส่เงินเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้หุ้นกลับมาพลิกฟื้น โดยแบงก์ชาติจีนประกาศอัดเม็ดเงิน 8 แสนล้านหยวน ใส่ในกองทุนพยุงตลาดหลักทรัพย์ เหตุผลเพราะว่ารัฐบาลจีนประเมินว่า ตอนนี้หุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ราคาลงไปมาก หลายตัวต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น เขาจึงไม่อยากเห็นต่างชาติมากว้านซื้อหุ้นราคาถูกๆ รอขายทำกำไร เพราะเขาเชื่อมั่นว่า เมื่อเศรษฐกิจพลิกฟื้นกลับมา หุ้นก็จะขึ้น จึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนจีนให้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บไว้ โดยใส่เม็ดเงินเพิ่มเข้าไป เพื่อสร้างความมั่นใจ ซึ่งก็ได้ผล เพราะทันทีที่ประกาศใส่เม็ดเงิน 8 แสนล้านหยวน ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนพุ่งขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลจีนประกาศตัดค่าธรรมเนียมการซื้อ 0.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้เป็นภาระ และจูงใจให้คนมาซื้อบ้าน ลดเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่ 2 จาก 25 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง ทำให้ต้นทุนในการผ่อนบ้านถูกลงไปอีก มีการคำนวณว่า ถ้าใครผ่อนบ้าน 1 ล้านหยวน ณ ระดับดอกเบี้ยปัจจุบัน เขาจะประหยัดไปถึง 1 แสนหยวน ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทุกเมืองในจีน กลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว จีนเพิ่มฟรีวีซ่าให้หลายประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าไปในจีน ช่วยเพิ่มกำลังซื้อได้อีกมหาศาล บางมืองเช่นเซี่ยงไฮ้ แจกคูปองให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และคนจีน ที่เข้าไปเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังแจกคูปอง กระตุ้นการบริโภค ผูกโยงกับสิ่งแวดล้อม เช่น ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นประหยัดพลังงานสูงสุด ได้ส่วนลดพิเศษ เป็นต้น
ดร.ไพจิตรสรุปว่า สิ่งที่เราเห็นจากมาตรการครั้งนี้คือ “องคาพยพ” หรือมิติการเงินและการคลังที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อบรรลุเป้าหมาย เศรษฐกิจเติบโต 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แพกเกจนี้ถือว่าแรงที่สุด และแรงมากกว่าความคาดหมายที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แถมแบงก์ชาติจีนยังประกาศอีกว่า ถ้ามาตรการที่ออกมายังไม่พอ มีกระสุนเตรียมไว้อีกหนึ่งชุด เมื่อรัฐบาลกระตุ้นอย่างเต็มที่ คนก็กล้านำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย เรียกว่ายิงกระสุนหลายนัด สอยนกทั้งฝูงลงมาเลย