ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเมืองรองของจีนบานสะพรั่ง จำนวนสุนัขและแมวมากกว่า 120 ล้านตัว แบ่งเป็นแมว 70 ล้านตัว สุนัข 52 ล้านตัว ส่งผลให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. เปิดเผยความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลปี 2566 มูลค่าการบริโภคอาหารแมว เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 คิดเป็นมูลค่า 71,000 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนอาหารสุนัข เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 คิดเป็นมูลค่า 74,800 ล้านหยวน (ประมาณ 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยสัดส่วนจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยง อยู่ในเขตเมืองรองระดับสอง (Second -Tier Cities) มากที่สุดถึงร้อยละ 41 ขณะที่เมืองหลักระดับหนึ่ง (First – Tier Cities) และเมืองรองระดับสาม (Third – Tier Cities) มีสัดส่วนจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ร้อยละ 29 และ 30 ตามลำดับ ซึ่งเมืองใหญ่ทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ถือเป็นเมืองรองระดับสอง รวมถึงเมืองหลวงทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ นครฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง นครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน และ นครเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า จีนเป็นตลาดศักยภาพที่น่าสนใจ สำหรับสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง โดยผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย สามารถเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยควรศึกษารสนิยม/พฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคในตลาดนั้น ๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐาน และความแตกต่างของสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย ผู้ผลิตควรให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และแรงงาน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น รวมทั้งจะช่วยทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกเหนือจากคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่ไทยมีจุดแข็งอยู่แล้ว