เมื่อ 35 ปีก่อน คณะผู้นำจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ซึ่งยึดมั่นในแนวโน้มสู่สันติภาพและการพัฒนา เห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ที่จะก้าวข้ามความคิดอันล้าสมัยของการเผชิญหน้าแบบกลุ่ม และแนวคิดเกมผลรวมเป็นศูนย์ (zero-sum games) ด้วยการจัดตั้งเอเปค (APEC) ส่งผลให้ความร่วมมือระดับภูมิภาคในเอเชีย-แปซิฟิก เติบโตอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่นั้นมา
แต่การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค สัปดาห์นี้ 13-16 พ.ย. 2024 ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู กลับเต็มไปด้วยความกังวล เกี่ยวกับสงครามการค้าโลก ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือน ม.ค.2025 และ โจ ไบเดน เข้าร่วมเวทีนี้เป็นครั้งสุดท้าย ในตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิค กำลังประสบกับการเติบโตที่ชะลอตัว ท่ามกลางข้อจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้า ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของภูมิภาคนี้เหลือเพียง 3.5% และคาดว่าจะลดลงไปเรื่อยๆจนถึงระดับ 2.7%
การกีดกันทางการค้า ทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกเอเปค ธุรกิจต่างๆเผชิญกับแรงกดดัน ท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น จากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน การสนับสนุนของสหรัฐฯต่อเอเปคลดน้อยลง นับตั้งแต่การทำสงครามการค้ากับจีนในปี 2018 ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจในพันธมิตรพหุภาคี
ในขณะที่จีน ยังให้การสนับสนุนความร่วมมือภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างเต็มที่ ตามแนวคิดพหุภาคี ยึดมั่นในหลักการภูมิภาคนิยมที่เปิดกว้าง ทำให้สมาชิกเอเปค ให้การยอมรับแนวคิดและแนวทางแก้ปัญหาของจีน อย่างกว้างขวาง ยกย่องจีนว่ามีบทบาทเป็น “แรงขับเคลื่อน” ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พ.ย. 2024 สถาบันซินหัว หน่วยงานคลังสมองสังกัดสำนักข่าวซินหัว และสำนักข่าวแอนดีนาของเปรู ได้จัดการประชุมประจำปี ว่าด้วยความร่วมมือเชิงปฏิบัติ ภายในกรอบงานแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ระหว่างเปรูและจีน มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่และคณะผู้แทนจากรัฐบาล ธุรกิจ และ สื่อมวลชน เรียกร้องการสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีอนาคตร่วมกัน ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย สอดคล้องกับยุคสมัย ด้วยจิตวิญญาณเอเปค ที่ต้องการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อมนุษยชาติ และนั่นทำให้จีนได้ใจสมาชิกกลุ่มเอเปคอย่างแท้จริง