“….การพบปะกับผู้นำธุรกิจชั้นนำเมื่อวันที่17กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ชี้ทิศทางอย่างชัดเจนถึงอนาคตอันสดใสของวิสาหกิจภาคเอกชนของจีน ที่จะสามารถสร้างผลงานใหม่ๆ ในบริบทที่จีนทั้งประเทศได้ผงาดขึ้นมานำโลกแล้วในหลายๆด้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีล้ำยุค ที่เป็นองค์ประกอบหลักของ”พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่ผลักดันให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำโลกครบวงจร ตาม”แผนปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ และที่สื่อทั้งในและต่างประเทศต่างพากันตื่นเต้นที่สุดก็คือการปรากฏตัวของเหลียงเหวินเฟิงแห่งDeepSeek วัย40ปีกับหวังซิงซิงแห่งยูนิทรีวัย35 ซึ่งหวังซิงซิงโดดเด่นขึ้นมาด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าหุ่นยนต์ทุกชนิดในโลกนี้ ทว่ากลับมีราคาถูกกว่าหลายเท่า รวมทั้งหม่าหวิน(แจ็คหม่า) ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ชี้ว่าเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ภาคเอกชนจะสามารถแสดงบทบาทสูงสุดในการขับเคลื่อนประเทศชาติไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ โดยภาครัฐจะสร้างหลักประกันอันมั่นคงให้แก่พวกเขาทั้งในวันนี้และวันหน้าตลอดไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนจีน การประชุมครั้งนี้ย่อมมีความหมายยาวไกลอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต่างจากการจัดทัพให้พร้อมสำหรับการตะลุยไปสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้า….”

จัดทัพ นำชัย 再接再厉
การพบปะกับผู้นำธุรกิจชั้นนำเมื่อวันที่17กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ชี้ทิศทางอย่างชัดเจนถึงอนาคตอันสดใสของวิสาหกิจภาคเอกชนของจีน ที่จะสามารถสร้างผลงานใหม่ๆได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ในบริบทที่จีนทั้งประเทศได้ผงาดขึ้นมานำโลกแล้วในหลายๆด้าน
ผู้นำภาคธุรกิจเอกชนตัวเป้งที่ได้รับเชิญเข้าพบปะพูดคุยครั้งนี้ประกอบไปด้วยเหรินเจิ้งเฟยจากหัวเหวย หวังฉวนฝูจากบีวายดี เหลยจวินจากเสียวหมี่ หม่าฮว่าเถิงจากเท็นเซน หม่าอวินจากอาลีบาบา เหลียงเหวินเฟิงจากDeepseek หวังซิงซิงจากยูนิทรี และอีกหลายคนจากหลายบริษัทหลายวงการ ที่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นกระฉ่อนโลก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีล้ำยุค ที่เป็นองค์ประกอบหลักของ”พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำโลกครบวงจร ตาม”แผนปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์+”
อย่างเช่นหัวเหวยกำลังสร้างเครือข่ายธุรกิจปัญญาประดิษฐ์และเซมิคอนดักเตอร์ครบวงจร ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ การสื่อสารอัจฉริยะ และการบริการอัจฉริยะ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่เหมืองแร่ การเกษตร รถยนต์อัจฉริยะ การศึกษา การแพทย์ การสื่อสารคมนาคม ฯลฯ
ส่วนอาลีบาบาก็ขยายขอบข่ายไปสู่ปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ บีวายดีของหวังฉวนฝู ก็ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำโลกทางด้านรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่มุ่งหมายให้สังคมโลกยุคใหม่มีการใช้รถยนต์อัจฉริยะทั่วไปทุกมุมโลก
และที่สื่อทั้งในและต่างประเทศต่างพากันตื่นเต้นที่สุดก็คือการปรากฏตัวของเหลียงเหวินเฟิงแห่งDeepSeek วัย40ปีกับหวังซิงซิงแห่งยูนิทรีวัย35 เพราะสองนักประดิษฐ์ตัวยงของโลกนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ของจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของจีนในการขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นประเทศชั้นนำของโลกทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีภายในปี2035
เหลียงเหวินเฟิงนำDeeepSeekพาจีนผงาดขึ้นเป็นจ่าฝูงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกในทุกวงการ แม้กระทั่งในวงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ของนักวิทยาศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลกก็แห่กันนำไปประยุกต์ใช้ เพราะDeepSeekเป็นระบบเปิดกว้าง ไม่หวงปัญญา
ส่วนหวังซิงซิงก็โดดเด่นขึ้นมาด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าหุ่นยนต์ทุกชนิดในโลกนี้ ทว่ากลับมีราคาถูกกว่าหลายเท่า เป็นที่ต้อนรับของลูกค้าทั่วโลก
ทั้งนี้เพราะความพร้อมของอุตสาหกรรมการผลิตยุคใหม่จีน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์แข็งแกร่งเกินกว่าที่ประเทศอื่นจะสู้ได้
ในการเรียกประชุมพบปะกับกลุ่มนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำยุคของจีนครั้งนี้ คณะผู้นำจีนที่ประกอบไปด้วยสีจิ้นผิง หลี่เฉียง หวังฮู่หนิง และติงเซวเสียง ได้นั่งเรียงแถวเผชิญหน้าโดยตรงกับเหรินเจิ้งเฟย โดยซ้ายขวาของเหรินเจิ้งเฟยประกอบไปด้วย หวังฉวนฝู เหลยจวิน หม่าฮว่าเถิง และเหลีงเหวินเฟิงเป็นต้นทางซ้ายมือ ขณะที่ทางขวามือมีหวังซิงซิง และอีกสองสามคนประกบ รวมทั้งหม่าหวิน(แจ็คหม่า)
ในที่ประชุม เหรินเจิ้งเฟยเป็นผู้พูดนำเสนอความคิดต่อคณะผู้นำจีนเป็นคนแรก ถัดจากนั้นก็เป็นหวังฉวนฝู เหลยจวินทางซ้ายมือของเหรินเจิ้งเฟยและหวังซิงซิงและผู้นำบริษัทพัฒนาชิปส์อัจฉริยะอีกคนหนึ่งทางขวามือ รวม6คน
หลังจากนั้น ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็พูดต่อที่ประชุม ประมวลแนวทางการขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี่ยุคใหม่ของจีน โดยชี้ว่าเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ภาคเอกชนจะสามารถแสดงบทบาทสูงสุดในการขับเคลื่อนประเทศชาติไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ โดยภาครัฐจะสร้างหลักประกันอันมั่นคงให้แก่พวกเขาทั้งในวันนี้และวันหน้าตลอดไป
แน่ละ สิ่งที่ผู้นำจีนพูดถึง ย่อมมิใช่เฉพาะต่อตัวแทนภาคธุรกิจเอกชนเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงธุรกิจเอกชนทุกแขนงของประเทศจีน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนจีนเหล่านั้นมองเห็นอนาคตและมั่นใจในทิศทางที่ประเทศจีนจะก้าวไป ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ปัจจุบันนี้ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประเทศจีนกำลังทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยแรงส่งสองประการคือรัฐวิสาหกิจที่เปรียบประดุจเสาค้ำรองรับอยู่เบื้องล่าง เช่นวิสาหกิจเคมีปิโตรเลียม การขุดเจาะน้ำมันทั้งบนบกและทะเล การผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ การสร้างเขื่อน การส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงพิเศษ การสื่อสาร การสร้างระบบรถไฟความเร็วสูง การสร้างจรวดอวกาศ ดาวเทียม เครื่องบินโดยสารเครื่องบินรบและอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ตลอดจนโครงการอื่นๆที่ยิ่งใหญ่คับโลก โดยมีบางส่วนเริ่มเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้าร่วมด้วย เช่นการพัฒนาจรวดอวกาศและดวงอาทิตย์เทียม โดยทั้งหมดนั้นขับเคลื่อนด้วยระบบปํญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมใหม่ๆทั้งสิ้น
ความยิ่งใหญ่ของรัฐวิสาหกิจจีนมาจากการปรับปฏิรูประบบบริหารจัดการอย่างไม่สิ้นสุด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นหลักค้ำประะกันสูงสุดให้แก่ประเทศชาติ
ขณะที่ภาคเอกชนก็กำลังก้าวเข้าสู่ระยะที่สามารถแสดงบทบาทสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่โดยการสนับสนุนทางด้านนโยบาย กฎระเบียบ การเงินการคลัง โดยกลไกรัฐทุกระดับล้วนเปิดไฟเขียวให้แก่การวิจัยพัฒนาในสิ่งใหม่ๆทั้งภายในและภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย
ทำให้กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพจีนได้น้ำเลี้ยงเพียงพอและทันการเสมอ
การประชุมพบปะกับบรรดาตัวแทนภาคธุรกิจเอกชนของคคณะผู้นำจีนครั้งนี้ จึงย่อมมีความหมายยาวไกลอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต่างจากการจัดทัพให้พร้อมสำหรับการตะลุยไปสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้า
ไขคำจีน
再接再厉 จ้ายเจียจ้ายลี่ ทำได้ดีแล้ว จงทำให้ดีอีก