“….ยิ่งโดนัลด์ ทรัมป์บ้าคลั่งมากเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างเงื่อนไขให้จีนสามารถใช้แรงส่งกระทำการผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงดำเนินไปในทิศทางที่กำลังเป็นไปเร็วขึ้น เป้าหมายคือสังคมอุดมการณ์ที่ชาวโลกมีอนาคตร่วมกัน ภายใต้การนำของจีน ที่ปัจจุบันมีสีจิ้นผิงเป็นแกนนำ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างสูงว่า มีความสามารถระดับชั้นนำของโลก เพราะสามารถยกระดับมาตรฐานชีวิตของคนจีน1400ล้านคนได้สำเร็จ และสร้างประเทศจีนให้เจริญก้าวหน้า อย่างรอบด้าน เหนือกว่าประเทศอื่นใดในโลก บนฐานคิดเดียวกันคือ “ยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์” และ”ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ วิธีคิดพื้นฐานที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่นำไปสู่การปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวงก็คือ”เข้าถึงความจริง” และ”ทำความจริงให้ปรากฏ” หรือ”ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง” และ”หาสัจจะจากความเป็นจริง” ซึ่งดำเนินมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตงจนถึงปัจจุบันนี้ คุณสมบัติเช่นนี้ของคณะผู้นำจีนเพียงพอที่จะนำพาชาวโลกเดินหน้าไปสู่อนาคตร่วมกันได้ สังคมโลกยุคใหม่ที่มีจีนเป็นต้นแบบ จะเต็มไปด้วยการแข่งขันกันสร้างสิ่งใหม่ๆ เกิดความเจริญก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจ ปรากฏให้เห็นได้ไม่เว้นแต่ละวัน นี่คือภาพใหม่ในยุคใหม่ภายหลังจีนผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจหมายเลข1ของโลก อันเป็นผลของสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนครั้งนี้….”
จับทางจีน正视中国
สันติ ตั้งรพีพากร陈俊泰
เข้าถึงความจริง ทำความจริงให้ปรากฏ 掌握真理 实现真理
ข้อเขียนนี้ จะลองเฉลยดูว่า เหตุใดสังคมโลกยุคใหม่จึงต้องมีจีนนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่กลายเป็นตัวเร่งให้โลกหมุนเร็วจี๋ ดันให้จีนผงาดขึ้นสวนทางกับการตกวูบของสหรัฐฯอย่างรวดเร็ว
และหากว่าสหรัฐฯตัดสินใจก่อสงครามร้อนด้วยอาวุธทันสมัยกับจีน โอกาสที่สังคมโลกจะพลิกผันในอัตราที่เร็วขึ้นก็สูงยิ่ง ระเบียบโลกใหม่ที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางก็จะมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด
นั่นคือ การกระทำทุกอย่างที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะด้วยเจตนาอะไร ผลที่สุดจะลงเอยให้กระบวนการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่มีจีนนำปรากฏชัดเจนขึ้น
ยิ่งโดนัลด์ ทรัมป์บ้าคลั่งมากเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างเงื่อนไขให้จีนสามารถใช้แรงส่งกระทำการผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงดำเนินไปในทิศทางที่กำลังเป็นไปเร็วขึ้น
เป้าหมายคือสังคมอุดมการณ์ที่ชาวโลกมีอนาคตร่วมกัน ภายใต้การนำของจีน
ยิ่งไปกว่านั้น ในมุมมองของผู้เขียน คุณสมบัติของคณะผู้นำจีนตั้งแต่นี้ไป จะกลายเป็นต้นแแบบของคณะผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะทำหน้าที่บริหารประเทศประสานไปกับคณะผู้นำจีน ทั้งในยุคการนำของสีจิ้นผิงและหลังจากนั้น ร่วมกันขับเคลื่อนสังคมโลกไปสู่อนาคตร่วมกัน บนฐานคิดเดียวกันคือ “ยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์” และ”ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง” มุ่งพัฒนาพลังการผลิต สร้างความเจริญทางวัตถุ ปฏิวัติสังคมและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการดำรงชีวิต ปลูกฝังแนวคิดที่สอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ให้แก่เยาวชน ของชาติ เป็นต้น
อีกนัยหนึ่ง มุ่งสร้างภูมิปัญญายุคใหม่ที่ตั้งอยู่บนฐานการ”เข้าถึงความจริง” และ”ทำความจริงให้ปรากฏ” ให้เป็นที่ยึดมั่นของชนในชาติตั้งแต่ระดับคณะผู้นำประเทศไปจนถึงประชาชนทั่วไป
ซึ่งกระบวนการทางความคิดลักษณะนี้ได้ปรากฏชัดแล้วในประเทศจีน อันเป็นผลจากการปฏิวัติสังคมอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินในกลางศตวรรษที่20ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ทั้งนี้ วิธีคิดพื้นฐานที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่นำไปสู่การปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวงก็คือ”เข้าถึงความจริง” และ”ทำความจริงให้ปรากฏ” หรือ”ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง” และ”หาสัจจะจากความเป็นจริง” ซึ่งดำเนินมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตงจนถึงปัจจุบันนี้
ด้วยเหตุนี้ ข้อสรุปและหลักวินิจฉัยต่างๆของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนทุกรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันล้วนแต่มีที่มาจากฐานวิธีคิดเดียวกันนี้ทั้งสิ้น
ซึ่งวิธีคิดนี้ได้รับการพิสูจน์จากการเคลื่อนไหวปฏิบัติทั้งในยุคปฏิวัติและยุคปฏิรูปพัฒนาสร้างชาติแล้วว่าถูกต้องเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั่วไป
โดยนัยนี้ คณะผู้นำจีนชุดปัจจุบันที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนนำ จึงได้รับการยอมรับอย่างสูงว่า มีความสามารถระดับชั้นนำของโลก เพราะสามารถยกระดับมาตรฐานชีวิตของคนจีน1400ล้านคนได้สำเร็จ และสร้างประเทศจีนให้เจริญก้าวหน้า อย่างรอบด้าน เหนือกว่าประเทศอื่นใดในโลก
คุณสมบัติเช่นนี้ของคณะผู้นำจีนเพียงพอที่จะนำพาชาวโลกเดินหน้าไปสู่อนาคตร่วมกันได้
อีกทั้ง วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวโลกครั้งนี้ จะเป็นสิ่งพิสูจน์อีกครั้งในความสามารถของคณะผู้นำจีนที่ยึดมั่นในหลักวิธี”เข้าถึงความจริง” ซึ่งก็คือเข้าถึงขั้นตอนการพัฒนาของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ และ”ทำความจริงให้ปรากฏ” ซึ่งก็คือทำให้ขั้นตอนประวัติศาสตร์ยุคใหม่นี้ปรากฏเป็นจริง
อาจกล่าวได้ว่า ณ วันนี้ สังคมโลกกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งเป็นก้าวแบ่งยุคแบ่งสมัย จากยุคที่ทุนนิยมนำโลกเข้าสู่ยุคสังคมนิยมนำโลก
นับแต่นี้ไป ต้นแบบการนำที่ยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์และถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ก็จะกลายเป็นหลักชี้นำการบริหารประเทศของรัฐบาลประเทศต่างๆ พร้อมประสานกับรัฐบาลจีน ร่วมคิด ร่วมทำ พัฒนาความเจริญก้าวหน้า และสร้างความทันสมัยให้แก่ประเทศตนและชาวโลกโดยรวม
บรรลุเป้าหมายของการสร้างประชาคมโลกที่มวลมนุษยชาติมีอนาคตร่วมกันเป็นลำดับ
ด้วยแบบอย่างของคณะผู้นำจีนที่โลกยอมรับ ประชาชนประเทศต่างๆจะร่วมกันผลักดันให้เกิดคณะผู้นำยุคใหม่ขึ้นในประเทศตน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้จะดำเนินไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็วตามการตื่นตัวของประชาชนที่มองเห็นชัดเจนว่าสังคมโลกยุคจีนนำไม่มีใครรอใคร มีแต่จะต้องไล่กวด
สังคมโลกยุคใหม่ที่มีจีนเป็นต้นแบบ จะเต็มไปด้วยการแข่งขันกันสร้างสิ่งใหม่ๆ เกิดความเจริญก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจ ปรากฏให้เห็นได้ไม่เว้นแต่ละวัน
คณะผู้บริหารประเทศทั้งน้อยใหญ่จะแข่งกันเข้าถึงความจริง และพยายามทำความจริงให้ปรากฏ แก่ประเทศตนและโลกโดยรวม
นี่คือภาพใหม่ในยุคใหม่ภายหลังจีนผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจหมายเลข1ของโลก อันเป็นผลของสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนครั้งนี้
ไขคำจีน
真理 เจินหลี่ สัจธรรม ความจริง