เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 มิ.ย.68 กลุ่มผู้เสียหายจำนวน 6 ราย รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หลังถูกบริษัทออร์แกไนเซอร์ชื่อดังย่านหลักสี่ เบี้ยวเงินค่าจัดงานอีเวนต์ รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 4 ล้านบาท โดยผู้เสียหายระบุว่าไม่กล้าแจ้งความในพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และคดีจะไม่คืบหน้า
นายเอกสิทธิ์ สงวนนามสกุล และนายพยัพ สงวนนามสกุล ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า บริษัทออร์แกไนเซอร์แห่งนี้มีชื่อเสียงในการรับจัดงานอีเวนต์ให้กับหน่วยงานราชการ โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายเคยร่วมงานกับบริษัทดังกล่าวมาหลายปี และที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน จนกระทั่งเมื่อปี 2567 บริษัทเริ่มบ่ายเบี่ยงการจ่ายเงิน ทำให้ผู้เสียหายกว่า 10 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทคู่ค้าและฟรีแลนซ์ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง
ผู้เสียหายเล่าว่า สาเหตุที่ต้องมาร้องทุกข์ที่ บช.ก. เนื่องจากทนไม่ไหวกับการบ่ายเบี่ยงและไม่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัท เมื่อติดต่อไปทวงถาม บริษัทมักจะส่งเช็คที่ไม่ได้ระบุวันมาให้ พร้อมอ้างว่าจะดำเนินการให้ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปหลายราย
นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังระบุว่า บริษัทออร์แกไนเซอร์อ้างว่าหน่วยงานราชการยังไม่อนุมัติเงินและค้างจ่ายกว่า 100 ล้านบาท แต่เมื่อผู้เสียหายไปตรวจสอบกับหน่วยงานราชการที่ว่าจ้างเมื่อปลายปีที่แล้ว กลับได้รับข้อมูลว่าทางหน่วยงานได้อนุมัติเงินให้กับบริษัทออร์แกไนเซอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผิดปกติวิสัย
แม้จะค้างจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายมานานกว่า 9 เดือน แต่บริษัทออร์แกไนเซอร์ก็ยังคงรับงานจัดอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่งจัดงานใหญ่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยยังคงมีการจ้างบุคคลภายนอกเข้าร่วมจัดงาน ซึ่งบางบริษัทก็ไม่ได้รับค่าจ้างเช่นกัน แต่สำหรับบริษัทที่บริษัทออร์แกไนเซอร์ต้องการใช้งานต่อ ก็จะมีการจ่ายเงินให้ 80-100 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการรับงานของบริษัทแห่งนี้มีตั้งแต่หลัก 10 ล้านบาท ไปจนถึง 30 ล้านบาท ตอกย้ำว่าบริษัทมีศักยภาพในการรับงานใหญ่
สาเหตุที่ผู้เสียหายตัดสินใจรวมตัวกันมาแจ้งความในวันนี้ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย และต้องการให้บริษัทออร์แกไนเซอร์รับรู้ถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ถูกเบี้ยวเงินค่าจ้าง ซึ่งบางรายถึงกับเครียดจัดจนต้องเข้าโรงพยาบาล
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ เพื่อพิจารณาว่าคดีนี้เข้าข่ายความผิดทางแพ่งหรืออาญา ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
