วันเสาร์, มิถุนายน 14, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สันติ ตั้งรพีพากร 陈俊泰อำนาจปชช."สภาประชาชน""ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว""การนำคุณภาพสูง"พัฒนาชาติ

Related Posts

อำนาจปชช.”สภาประชาชน””ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว””การนำคุณภาพสูง”พัฒนาชาติ

“..การนำคุณภาพสูง ที่เกิดขึ้นบนฐานอำนาจประชาชนในรูป “สภาประชาชน” โดยการยึดเอาแนวคิด “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวฟ” เป็นจุดเริ่มต้น มุ่งสู่การสร้างระบบอำนาจนำที่เป็น “อำนาจนำเพียงหนึ่งเดียว” ที่ตั้งอยู่บนฐานผลประโยชน์ของประชาชนตามหลัก จนถึงวันนี้ มีเพียงประเทศจีน โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้นที่ใช้หลักธรรมนี้ชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ ทั้งในช่วงการเคลื่อนไหวปฏิวัติในอดีตและการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน โดยได้นำมาใช้อย่างชัดเจนในรูปของทฤษฎีที่เรียกกันว่า “ความคิดเหมาเจ๋อตง” คือวลีที่ว่า”หาสัจจะจากความเป็นจริง” หรือ”สือซื่อฉิวซื่อ” (实事求是)ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง จากสิ่งที่รับรู้ได้จากการปฏิบัติ มิใช่เริ่มจากการทึกทักคิดเองเออเอง หรือตำราเล่มใดตอนใดโดยเฉพาะทั้งสิ้น ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจของการเมืองการปกครองและการพัฒนาประเทศเป็นที่ตั้ง การเมืองไทยก็เช่นกัน จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นการเมือง ของประชาชน ที่ประชาชนทุกภาคส่วนรวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว ดำเนินการบริหารประเทศโดยถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้นจนจบ โอกาสที่จะสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรอบด้าน สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน…”

การนำคุณภาพสูง 高质量领导

การนำคุณภาพสูง ที่เกิดขึ้นบนฐานอำนาจประชาชนในรูป”สภาประชาชน” จะดำเนินไปได้อย่างดียิ่งด้วยแนวปฏิบัติพื้นฐานสองประการคือ

1.ถือเอาความจริงเป็นตัวตั้ง

ปัจจุบันนี้ ขบวนการการเมืองภาคประชาชนกำลังพัฒนาการนำที่มีความเป็นเฉพาะของตนเอง โดยการยึดเอาแนวคิด”ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” เป็นจุดเริ่มต้น มุ่งสู่การสร้างระบบอำนาจนำที่เป็น”อำนาจนำเพียงหนึ่งเดียว”ที่ตั้งอยู่บนฐานผลประโยชน์ของประชาชน ตามหลัก”ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง”

มองด้วยสายตาประวัติศาสตร์ พัฒนาการดังกล่าวกำลังเป็นเส้นทางที่สวยงามอย่างยิ่งของอารยธรรมการเมืองของมวลมนุษย์ ที่คนไทยเรากำลังร่วมกับนานาชาติสรรค์สร้างขึ้นมา

จุดเด่นที่คนไทยเราจะต้องภูมิใจคือ แนวคิด”ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” นับเป็นการริเริ่มทางความคิดบนฐานคิดของตนเองในท่ามกลางการเคลื่อนไหวปฏิบัติของกลุ่มผู้นำขบวนการเมืองภาคประชาชน ด้วยการยกเอาธรรมขั้นสูงนี้มาชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติอย่างเป็นจริง ทำให้ขบวนการการเมืองของประชาชนที่ถือเอาประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ตลอดจนทิศทางอนาตตของมวลมนุษยชาติโดยรวมเป็นที่ตั้งนั้น ไม่หลงทิศผิดทาง ไม่ถูกเหตุการณ์เฉพาะหน้ารูปธรรมปั่นกระแสจนปั่นป่วนสับสน สามารถยืนมั่นอยู่ในจุดยืนที่ยึดมั่นอยู่กับความจริงได้อย่างมั่นคง ตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้เป็นเปลาะๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับตัวเองและประเทศชาติ ตลอดจนสังคมโลกโดยรวมได้อย่างยั่งยืน

อาจกล่าวได้ว่า จนถึงวันนี้ มีเพียงประเทศจีน โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้นที่ใช้หลักธรรมนี้ชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ ทั้งในช่วงการเคลื่อนไหวปฏิวัติในอดีตและการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน โดยได้นำมาใช้อย่างชัดเจนในรูปของทฤษฎีที่เรียกกันว่า “ความคิดเหมาเจ๋อตง”

หัวใจของความคิดเหมาเจ๋อตงก็คือวลีที่ว่า”หาสัจจะจากความเป็นจริง” หรือ”สือซื่อฉิวซื่อ” (实事求是)ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง จากสิ่งที่รับรู้ได้จากการปฏิบัติ มิใช่เริ่มจากการทึกทักคิดเองเออเอง หรือตำราเล่มใดตอนใดโดยเฉพาะทั้งสิ้น

2.ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง

โดยการเคลื่อนไหวปฏิบัตินั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็คือการสร้างความตื่นตัวให้มวลชนและจัดตั้งมวลชนขึ้นมาดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ๆที่สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง

อันสะท้อนถึงการเมืองยุคใหม่ที่จะต้อง”เดินแนวทางมวลชน”

หรือที่เราเรียกกันว่า”ประชาชนเป็นเจ้าภาพ”

ด้วยเหตุนี้ อะไรก็ตามที่ไม่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชน ทำไปก็ไร้ผล เพราะประชาชนไม่ยอมรับ ไม่รู้สึกพึงพอใจ ในที่สุดก็ไปไม่รอด

ด้วยเหตุนี้การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยประชาชนเป็นเจ้าภาพ จึงเป็นหัวใจของการเมืองการปกครองและการพัฒนาประเทศที่”ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง” เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการนำคุณภาพสูงควบคู่ไปกับการถือเอาความจริงเป็นที่ตั้ง

เมื่อพิจารณาดูทิศทางการบริหารประเทศของประเทศต่างๆในยุคจีนนำ เห็นชัดว่าล้วนกำลังปรับตัวเองมาสู่การถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความสำเร็จของนจีนที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไปแล้วว่า สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงบนผืนแผ่นดินจีนราวปาฏิหาริย์ จนเกินกว่าที่ประเทศอื่นๆจะตามทัน

แรงจูงใจดังกล่าว ทำให้เกิดปรากฏการณ์”แข่งกัน” สร้างผลงานให้ประชาชนพึงพอใจในประเทศต่างๆ รวมทั้งพยายามนำเอานโยบายประชานิยมมาสวมรอยแอบอ้างว่าเป็นการบริหารที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง

กระนั้นก็ตาม ด้วยข้อจำกัดของโครงสร้างทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งที่เป็นการแก่งแย่งอำนาจบริหารประเทศระหว่างพรรคการเมืองตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้การถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางทำได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องพยายามรักษาฐานเสียงของตัวเองเป็นอันดับแรก จำเป็นต้องสนองความต้องการของมวลชนฐานเสียงเป็นเบื้องต้น

มาถึงวันนี้ เมื่อการเมืองไทยจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นการเมืองของประชาชน ที่ประชาชนทุกภาคส่วนรวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว ดำเนินการบริหารประเทศโดยถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้นจนจบ โอกาสที่จะสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรอบด้าน สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน

ไขคำจีน
领导 หลิงต่าว การนำ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts