จีนยึดมั่นในแนวคิด “ความสามัคคีคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด” มาตั้งแต่สมัยโบราณ และสัมผัสอย่างลึกซึ้ง ถึงความทุกข์ทรมาน อันเกิดจากสงครามและความวุ่นวาย ดังนั้น หลังการสถาปนาจีนใหม่ รัฐบาลจีนจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่เป็นอิสระและสันติมาโดยตลอด
สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ย้ำหลายครั้งว่า จีนยืนหยัดเดินบนหนทางการพัฒนาอย่างสันติ ไม่ว่าจะพัฒนาก้าวหน้ามากเพียงใด ก็จะไม่แสวงหาการเป็นเจ้าโลก ไม่ขยายอาณาเขต ขอบเขตอิทธิพล และไม่แข่งขันสะสมอาวุธ
ข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดคือ ในบรรดาสมาชิกถาวร ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนเป็นประเทศที่ส่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ จำนวนมากที่สุด ได้มีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพ ของสหประชาชาติ มากกว่า 30 ครั้ง ส่งเจ้าหน้าที่และทหาร มากกว่า 50,000 นาย กองทัพจีนได้ปฏิบัติภารกิจ รักษาสันติภาพในพื้นที่ขัดแย้งต่างๆ เช่น แอฟริกาและตะวันออกกลาง สร้างคุณูปการสำคัญ ในการรักษาสันติภาพโลก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลัทธิผูกขาดและการคุ้มครองทางการค้า ยังเป็นความท้าทาย และความไม่แน่นอนที่ทั่วโลกต้องเผชิญ รวมถึงสงครามในตะวันออกกลาง
โดยเมื่อวันวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. 2568 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สีจิ้นผิง กล่าวระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ระบุว่า การหยุดยิงคือภารกิจเร่งด่วนที่สุด ในการแก้ไขความขัดแย้งในตะวันออกกลาง พร้อมย้ำว่า การใช้กำลัง ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ในการจัดการข้อพิพาทระหว่างประเทศ
สีจิ้นผิง ระบุว่า การคุ้มครองความปลอดภัยของพลเรือน เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการทำร้ายพลเรือนผู้บริสุทธิ์ การเจรจาหารือ คือทางออกพื้นฐานของปัญหา พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ ที่มีอิทธิพลต่อฝ่ายที่ขัดแย้ง ดำเนินความพยายามร่วมกัน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และฟื้นฟูสันติภาพในตะวันออกกลาง
