นับเป็นข่าวดีในแวดวงการค้าโลก เมื่อ เอ็นวิเดีย ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐฯ กำลังจะกลับมาขายชิป H20 ในประเทศจีนอีกครั้ง
หลังจากก่อนหน้านี้ ถูกรัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามขายชิป H20 ในประเทศจีน เพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเอไอขั้นสูงของจีน
คำสั่งดังกล่าว ทำให้ เจนเซน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดีย ออกมาแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าเป็น “ความล้มเหลว” และผลักดันให้คู่แข่งอย่าง “หัวเว่ย” เติบโตมากยิ่งขึ้น
การถูกสั่งระงับการขาย จะทำให้เอ็นวิเดีย สูญเสียรายได้มากกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมชิปของอเมริกาในอนาคต
ขณะที่ H20 คือ ชิปประมวลผล “รุ่นพิเศษ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานด้านปัญญาประดิษฐ์ สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ โดยมีการลดทอนประสิทธิภาพลงมา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุมทางการค้าของสหรัฐฯ แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯกลับสั่งห้ามขายในจีน
เจนเซน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดีย ต้องเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อธิบายถึงความเสียหาย หาก H20 ไม่ได้ขายในจีน
ในที่สุดเขาได้รับไฟเขียวให้บินตรงไปปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติจีน ครั้งที่ 3 ในวันพุธ 16 ก.ค. 2025
พร้อมกับสัญญาณจากวอชิงตันว่า จะอนุมัติใบอนุญาตส่งออก หรือ Export License สำหรับชิป H20
เอ็นวิเดีย ยืนยันข่าวดังกล่าวผ่านเว็บไซต์บริษัทว่า กำลังจะกลับมาขายชิป H20 ในประเทศจีนอีกครั้ง หลังได้รับการยืนยันจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า จะอนุมัติให้ขายได้
ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีบรรยากาศดีขึ้น ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งมีข้อตกลงภาษีนำเข้าต่อกัน ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
หาก เอ็นวิเดีย สามารถขายชิป H20 ให้จีนได้ ถือเป็นข่าวดีทั้งต่อรายได้ของบริษัท และยังส่งผลบวกต่อห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีจีน ที่กำลังพัฒนาขีดความสามารถด้านเอไออย่าง เทนเซ็นต์, ไป่ตู้, อาลีบาบา หรือ ดีพซีค
แนวโน้มของสงครามการค้าและเทคโนโลยี ระหว่างสองมหาอำนาจที่ผ่อนคลายลง ตอกย้ำคำพูดของ “สีจิ้นผิง” ผู้นำจีนที่กล่าวไว้ว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า”
มีแต่ความสำเร็จในโลกแห่งการ “แบ่งปัน”