วันจันทร์, สิงหาคม 4, 2025
หน้าแรกต่างประเทศจีนจากตำราพิชัยฯ “ซุนวู” สู่ชั้นเชิง “สงครามการค้า” “จีน” พลิก “โรงงานของโลก” สู่ศูนย์กลางผู้บริโภคและนวัตกรรม

Related Posts

จากตำราพิชัยฯ “ซุนวู” สู่ชั้นเชิง “สงครามการค้า” “จีน” พลิก “โรงงานของโลก” สู่ศูนย์กลางผู้บริโภคและนวัตกรรม

ท่ามกลางความผันผวนของสงครามการค้า แต่การส่งออกครึ่งแรกของปี 2025 จีนยังส่งออกเพิ่มร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังอาเซียนและสหภาพยุโรป ภาคยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ยานยนต์พลังงานใหม่คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ

เศรษฐกิจจีนยังโลดแล่นด้วยการเติบโตร้อยละ 5.3 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 และคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 30

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ในปี 2025 เป็นร้อยละ 4.8 เพิ่มจากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4 เมื่อเดือนเมษายน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด การสนับสนุนบริโภคภายในจากประชากรกว่า 1,400 ล้านคน คือความได้เปรียบของจีนเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลก

สำนักข่าวซินหัว สะท้อนความสำเร็จดังกล่าวว่า ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากเป็นผลลัพธ์ของการมองการณ์ไกล และการบ่มเพาะความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างอย่างรอบคอบและอดทน กลยุทธ์ของจีนสะท้อนภูมิปัญญาโบราณของซุนวู ผู้เขียนตำราพิชัยสงครามเมื่อ 2,500 ปีก่อนที่ว่า “ยอดนักรบจะทำให้ตัวเองอยู่ในสถานะที่ไม่มีทางพ่ายแพ้” ปรัชญาการลดความเสี่ยงเชิงรุกนี้ เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจมหภาคของจีน

ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจีน มีรากฐานมาจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว โดยเน้นการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และมีคุณภาพสูง ช่วยให้เศรษฐกิจทนต่อแรงกระแทกทั้งภายในและภายนอก จีนได้เตรียมตัวรับมือกับวิกฤตต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นไว้นานแล้ว ด้วยการมุ่งสู่คุณภาพ เน้นสร้างนวัตกรรม และลดการพึ่งพา นอกจากนี้จีนยังลงมือทำให้เกิดผลสำเร็จจริง ทั้งหมุดหมายสำคัญด้านพลังงานใหม่ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการยกระดับอุตสาหกรรม ซึ่งได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้เศรษฐกิจจีน

จีนกำลังปรับเปลี่ยนตัวเองจาก “โรงงานของโลก” มาเป็น “ตลาดของโลก” เพิ่มสัดส่วนอุตสาหกรรมภาคบริการ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว, อาหาร, ละครซีรีส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฯลฯ เพิ่มอำนาจการต่อรองในเวทีโลก หากจีนปรับเปลี่ยนตัวเองทั้งระบบแล้ว เชื่อว่าอำนาจการต่อรองในเวทีโลก จะมีสูงมากกว่านี้อย่างแน่นอน

ท่ามกลางวิกฤตสงครามการค้า และความขัดแย้งในด้านภูมิรัฐศาสตร์ รัฐบาลจีนให้น้ำหนักกับการบริโภคภายในเป็นพิเศษ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ 5% ทําให้การบริโภคในประเทศ เป็นเครื่องยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจีนมีมาตรการเพิ่มรายได้ให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง อาทิ โครงการเงินอุดหนุนผู้บริโภคมูลค่า 300,000 ล้านหยวน (ราว 1.4 ล้านล้านบาท)  อัดฉีดเงิน 500,000 ล้านหยวน (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ธนาคารของรัฐ และการเพิ่มวงเงินพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นอีก 500,000 ล้านหยวน

ขณะที่โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยังเป็นหัวใจหลักในการเชื่อมโยงการค้ากับทั่วโลก ดังที่ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” กล่าวว่าการสร้าง “สนามการค้า” แบบเท่าเทียมกัน เปิดกว้างให้สินค้าคุณภาพสูงจากทั่วโลก เข้าถึงครอบครัวชาวจีนมากขึ้น เช่นเดียวกับสินค้าของจีน ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ในกลุ่มภูมิภาคต่างๆ จีนยังคงเดินหน้าเปิดประเทศ ร่วมแบ่งปันโอกาสการพัฒนา สนับสนุนเสถียรภาพของเศรษฐกิจภูมิภาคและโลก ผ่านความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อผลสำรวจล่าสุดที่เผยแพร่โดยสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน ชี้ให้เห็นว่า บริษัทสหรัฐฯ จำนวนมาก ยังคงมุ่งแสวงหาโอกาสระยะยาวในจีน โดยระบุว่า ตนจะไม่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ หากไม่มีการดำเนินงานในจีน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts