“…สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสัมมนาเชิงบูรณาการ “Financial Investigation Course for the Northern Border Agencies” รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2568 มุ่งเสริมองค์ความรู้และทักษะด้านการสืบสวนทางการเงินให้แก่หน่วยงานชายแดนภาคเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและอาชญากรรมยาเสพติดอย่างเป็นระบบ…”
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีปิดโครงการสัมมนา “Financial Investigation Course for the Northern Border Agencies” (FIN) รุ่นที่ 3 ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่
พิธีปิดได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นประธาน โดยมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ผู้บริหารสำนักงาน ปปง. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายเทพสุฯ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นประเด็นสำคัญระดับชาติและเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ การดำเนินการต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หลักสูตร FIN ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การฟอกเงิน และความผิดมูลฐานอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ การฝึกทักษะปฏิบัติงานด้านกฎหมาย และขยายความร่วมมือครอบคลุมพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
การสัมมนาครั้งนี้ประกอบด้วยการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็น การฝึกใช้เครื่องมือพิเศษในการสกัดกั้นเส้นทางการเงินเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด และการฝึกปฏิบัติจากคดีจริงที่ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวน โดยสำนักงาน ปปง. สนับสนุนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อช่วยขยายผลดำเนินคดีกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
นายเทพสุฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้มาตรการยึดทรัพย์ควบคู่กับการดำเนินคดีอาญาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามยาเสพติดและการฟอกเงิน ตัดวงจรอาชญากรรม และสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ประเทศชาติอย่างยั่งยืน
