“…..เมื่อเราพิจารณาดูทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาลประเทศสำคัญๆอื่นๆของโลก ก็ไม่ปรากฏว่ามีประเทศใดได้ดำเนินนโยบาย”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” ได้เช่นเดียวกับจีน ส่วนใหญ่แล้วจะติดอยู่ในกับดักของการแสวงประโยชน์ส่วนตน การแสวงประโยชน์อย่างไม่รู้จบของกลุ่มทุน การผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จของกลุ่มการเมืองอิทธิพลในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ขณะที่จีนโดยคณะผู้นำที่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน มุ่งถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยังผลให้การพัฒนาของพลังการผลิตตามกระบวนการ” ปฏิรูป-เปิดกว้าง” ดำเนินมาได้อย่างต่อเนื่อง และอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนทั้งประเทศได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในบริบทเช่นที่กำลังเป็นอยู่นี้จีนย่อมจะพัฒนาก้าวหน้าได้เร็วกว่า มากกว่า แน่นอนกว่า ประเทศอื่นๆที่ส่วนใหญ่แล้วกำลังติดหนืดอยู่กับปัญหาร้อยแปด จนจับต้นชนปลายไม่ถูก สร้างความอึดอัดให้แก่ประชาชนมากขึ้นทุกที กระทั่งถึงขั้นต้องก่อการประท้วงจนว่นวายไปทั่วจึงไม่แปลกที่ จีนจะเป็นผู้ยืนอยู่หัวแถว ใช้การ”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” กรุยทางไปสู่อนาคตได้ยิ่งกว่าประเทศอื่นใด และในที่สุดแล้วประเทศต่างๆก็จะรับแนวทางการปฏิบัติที่เปรียบเหมือน”รหัสลับ” แห่งความสำเร็จนี้ ไปปรับใช้กับตนเอง เพื่อก้าวไปสู่อนาคตร่วมกัน…”

รหัสลับในมือจีน 中国手中的密码
เป็นที่พิสูจน์ชัดแล้วว่า การปฏิรูปและเปิดกว้าง หรือ “ก่ายเก๋อ-ไคฟ่าง” (改革,开放)ในภาษาจีน ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปีคศ.1978 คือมาตรการหลักในการสร้างเงื่อนไขให้แก่การพัฒนาพลังการผลิตคุณภาพใหม่ในแต่ละห้วงของการขับเคลื่อนประเทศจีน ทำให้ประเทศจีนพลิกโฉมตนเองจากประเทศล้าหลังมาเป็นประเทศก้าวหน้าชนิดลัดสั้นอย่างยิ่ง จนเป็นที่อัศจรรย์ใจไปทั่วโลก
และเมื่อชาวโลกมองต่อไปอีกสู่อนาคตยาวไกล ก็จะยิ่งอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นหากเมื่อพบว่า ด้วยการส่งเสริมอย่างจริงจังด้วยปัญญาตื่นรู้ที่เกิดขึ้นชัดเจนยิ่งขึ้นในหมู่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาตรการ”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” กำลังจะกลายเป็น”รหัสลับ” เปิดประตูไปสู่สังคมอนาคตของชาวโลกโดยรวม ชนิด”คาดไม่ถึง”ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิด”สร้างประชาคมโลกที่มวลมนุษย์มีอนาคตร่วมกัน” ที่สีจิ้นผิงนำเสนอต่อชาวโลกอยู่ในปัจจุบันนี้
ข้อเสนอนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ในเมื่อสังคมขยับขับเคลื่อนไปด้วยพลังการผลิตคุณภาพใหม่ โดยการเปิดทางสะดวกของมาตรการ”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” การขับเคลื่อนของสังคมมนุษย์ก็จะดำเนินไปได้อย่างไหลลื่นและอย่างไม่สิ้นสุด ฉุดชีวิตชาวโลกขึ้นสู่มิติใหม่ๆได้อย่างไม่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน ขอเพียงแต่ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงกระบวนการขับเคลื่อนทางวัตถุที่ไม่เคยสะดุดหยุดลงเลยตลอดระยะของวิวัฒนาการสังคมมนุษย์นับล้านปี แล้วร่วมกันเสริมสร้างอนาคตร่วมกัน โดยเร่งปฏิรูปตนเอง ประสานไปกับการเปิดกว้างสู่กันและกัน
เมื่อนั้น มนุษย์โลกก็จะสามารถก้าวพ้นยุคการไล่ล่าครอบงำ บังคับเคี่ยวเข็ญ เข้าสู่ยุคร่วมคิดร่วมทำ ร่วมแบ่งปัน ร่วมสร้างอารยธรรมใหม่ขึ้นบนผิวโลกดวงนี้
เป้าหมายคือ สร้างสังคมหรรษาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ชาวโลกส่วนใหญ่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ไร้การเบียดเบียน ซึ่งสังคมประเภทนี้จะปรากฏขึ้นในประเทศจีนเป็นแห่งแรกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อเราพิจารณาดูทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาลประเทศสำคัญๆอื่นๆของโลก ก็ไม่ปรากฏว่ามีประเทศใดได้ดำเนินนโยบาย”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” ได้เช่นเดียวกับจีน ส่วนใหญ่แล้วจะติดอยู่ในกับดักของการแสวงประโยชน์ส่วนตน เช่นการแสวงประโยชน์อย่างไม่รู้จบของกลุ่มทุน การผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จของกลุ่มการเมืองอิทธิพลในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ขณะที่จีนโดยคณะผู้นำที่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน มุ่งถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งในฐานะ”เจ้าภาพ” สร้างการเปลี่ยนแปลง และผู้เสวยผลของการเปลี่ยนแปลง ยังผลให้การพัฒนาของพลังการผลิตตามกระบวนการ” ปฏิรูป-เปิดกว้าง” ดำเนินมาได้อย่างต่อเนื่อง และอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนทั้งประเทศได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เปรียบเทียบดูแล้ว ในบริบทเช่นที่กำลังเป็นอยู่นี้จีนย่อมจะพัฒนาก้าวหน้าได้เร็วกว่า มากกว่า แน่นอนกว่า ประเทศอื่นๆที่ส่วนใหญ่แล้วกำลังติดหนืดอยู่กับปัญหาร้อยแปด จนจับต้นชนปลายไม่ถูก สร้างความอึดอัดให้แก่ประชาชนมากขึ้นทุกที กระทั่งถึงขั้นต้องก่อการประท้วงจนว่นวายไปทั่ว
จึงไม่แปลกที่มีการคาดการณ์มากขึ้นเรื่อยๆว่า สังคมโลกยุคใหม่ที่มีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นปัญญาประดิษฐ์เป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนพลังการผลิตคุณภาพใหม่ให้เติบใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ จีนจะเป็นผู้ยืนอยู่หัวแถว ใช้การ”ปฏิรูป-เปิดกว้าง” กรุยทางไปสู่อนาคตได้ยิ่งกว่าประเทศอื่นใด และในที่สุดแล้วประเทศต่างๆก็จะรับแนวทางการปฏิบัติที่เปรียบเหมือน”รหัสลับ” แห่งความสำเร็จนี้ ไปปรับใช้กับตนเอง
เพื่อก้าวไปสู่อนาคตร่วมกัน
ไขคำจีน
密码 มี่หม่า รหัสลับ