เช้าวานนี้ (วันพุธที่ 24 กันยายน 2568) คนกรุงเทพฯ ตื่นมาเจอกับภาพที่ไม่มีใครอยากเห็น… ถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาลยุบหายไปต่อหน้าต่อตา กลายเป็นหลุมขนาดมหึมา กลืนทั้งเสาไฟ สายไฟ และท่อสาธารณูปโภคไปในพริบตา
โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ แต่คำถามใหญ่กลับดังขึ้นพร้อมกันทั้งเมือง… เกิดอะไรขึ้น? และจะเกิดซ้ำอีกหรือไม่?
1.ไม่ใช่แค่ถนนยุบ แต่คือ “ระบบใต้ดินล้มเหลว”
ข้อมูลจากหลายแหล่งยืนยันตรงกันว่า สาเหตุหลักมาจากดินไหลเข้าอุโมงค์ก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินบริเวณรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานี
เพดานอุโมงค์ซึ่งควรจะเป็นเกราะป้องกันกลับเกิดความเสียหาย ช่องว่างเล็กๆ กลายเป็นโพรงใหญ่ ดินชั้นบนจึงค่อยๆ ไหลลงไปเติมเต็มช่องว่างนั้น เมื่อโพรงใต้ดินขยายจนไม่เหลือแรงรองรับ ทำให้พื้นถนนด้านบนยุบตัวพังทลายลงอย่างรุนแรง
2.บทเรียนจากต่างประเทศ… สาเหตุเดียวกัน
เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ในปี 2559 เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ก็เคยเผชิญหลุมยักษ์กลางเมือง เนื่องจากน้ำและดินซึมเข้ารอยต่ออุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน ผลคือถนนกว้างกว่า 30 เมตรหายวับไปเช่นกัน
จุดร่วมที่น่ากลัวคือ “รอยต่ออุโมงค์-สถานี” มักเป็นจุดเสี่ยงที่สุด หาก Sealing ไม่สมบูรณ์ หรือเกิดรอยรั่วเพียงเล็กน้อย ก็เปิดทางให้ดินและน้ำไหลเข้า เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) จนควบคุมไม่อยู่ กล่าวคือ เมื่อเกิดโพรงใต้ดิน แรงกดของผิวถนนด้านบนถ่ายน้ำหนักลง ทำให้การทรุดขยายวงกว้างและลึกขึ้นเรื่อยๆ
3.ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
กรณีถนนทรุดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ “หลุมใหญ่” ที่เรามองเห็น แต่คือสัญญาณเตือนว่า พื้นที่รอบๆ อาจมีอันตรายที่ยังไม่เผยตัว เช่น
(1)อาคารโดยรอบทั้งโรงพยาบาลและสถานีตำรวจสามเสนรวมทั้งอาคารอื่นๆ โดยเฉพาะอาคารที่รองรับโดยเสาเข็มที่สั้นกว่าความลึกของหลุมยักษ์เสี่ยงต่อแรงสั่นสะเทือนและการทรุดต่อเนื่อง
(2)ท่อประปา ไฟฟ้า โทรคมนาคม อาจหักพังส่งผลกระทบลูกโซ่
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งคือ การจราจรบนถนนสามเสน… จะต้องปิดยาวนานเพียงใด ส่งผลต่อคนเมืองจำนวนมาก
4.สู้กับหลุมยักษ์ ต้องทำอย่างไร?
บทเรียนจากฟุกุโอกะบอกเราว่า การฟื้นฟูต้องทำ 3 ขั้นตอนหลัก
(1)หยุดความเสียหาย… อพยพพื้นที่เสี่ยง ตัดน้ำและไฟทันที
(2)ปิดโพรง… อัดซีเมนต์ (Grouting) อุดช่องว่างไม่ให้ขยาย
(3)เสริมโครงสร้าง… ตรวจสอบตลอดแนวอุโมงค์ เสริมค้ำยันและปรับปรุงรอยต่อใหม่เหล่านี้คือวิธีที่จะหยุดหลุมไม่ให้ “สูบ” เมืองไปมากกว่านี้
5.คำถามที่ยังต้องการคำตอบ
(1)รอยต่ออุโมงค์เสียหายเพราะอะไร? การออกแบบผิดพลาด หรือการก่อสร้างบกพร่อง?
(2)ท่อน้ำแตกมีส่วน “เริ่มต้น” หรือเป็นเพียง “ผลลัพธ์” ของการทรุด?
(3)พื้นที่รอบๆ จะปลอดภัยจริงหรือไม่ หากยังไม่ตรวจละเอียด?
6.บทสรุป
สิ่งที่เกิดขึ้นกลางกรุงครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ถนนยุบ” แต่คือการเตือนให้เห็นความเปราะบางของระบบโครงสร้างใต้ดินที่อยู่ใต้เท้าเราทุกวัน… ทุกย่างก้าวที่เราเดิน และรถทุกคันที่วิ่งผ่านอาจอยู่เหนือโพรงที่ซ่อนอยู่ก็ได้
นี่คือสัญญาณเตือนว่า เมืองใหญ่ไม่ควรประมาทกับสิ่งที่มองไม่เห็น หากไม่เร่งป้องกัน ทุกย่างก้าวที่เราเดิน และทุกล้อรถที่วิ่งผ่านไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินอาจเสี่ยงต่อการถูก “สูบ” โดยไม่รู้ตัว!