ไม่ใช่แค่ “ภูมะเขือ” หรือ “ปราสาทตาควาย” แต่แผ่นดินไทยกำลังสั่นสะเทือน! ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี เปิดหลักฐานเด็ด ชี้ MOU 43 เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” แต่ “หายนะ” ที่แท้จริงคือเอกสารที่ถูกปั๊มตรา “ลับ” ปิดตาคนไทยมานาน “สืบจากข่าว” จะกระชากหน้ากากความจริงนี้ ว่าใครกำลังเล่นเกม “ล็อกคอ” ประเทศไทย และเรากำลังจะเสียดินแดนถาวรจริงหรือไม่
เปิดปม “เอกสารลับ” ตัวร้ายกว่า MOU 43
ประเด็นร้อนที่ว่าเส้นเขตแดนและความมั่นคง “ไม่เกี่ยวกัน” ถูกท้าทายอย่างหนัก โดย ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการชายแดน ยืนยันว่านี่คือ “เรื่องเดียวกัน” และชี้ว่าการถกเถียงเรื่อง MOU 43 เป็นเพียงผิวเผิน เพราะ “ตัวร้ายที่แท้จริง” คือ เอกสารประกอบ MOU ที่ถูกประทับตรา “ลับ”
ม.ล. กรกสิวัฒน์ ตั้งคำถามเชิงเจาะลึกว่า เหตุใดเอกสารลับดังกล่าวจึงไปยอมรับข้อความที่เป็น “เท็จ” โดยระบุว่าแผนที่ 1:200,000 เป็นผลงานของ “คณะกรรมการปักปันเขตแดน” ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ แผนที่ฉบับนี้ฝรั่งเศสทำขึ้น “ฝ่ายเดียว” หลังจากคณะกรรมการฯ เลิกทำงานไปแล้วหนึ่งปี
นี่คือจุดตายที่สวนทางกับการต่อสู้ของกระทรวงการต่างประเทศในอดีต (ปี 2505) ที่เคยยืนหยัดในคดีศาลโลกว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่ฉบับนี้ “ทำไมกระทรวงการต่างประเทศยุคนี้ถึงพูดคนละคีย์กับครูบาอาจารย์ในอดีต?”
ม.ล. กรกสิวัฒน์ ตั้งข้อซัดแรง “MOU 43 และเอกสารลับเหล่านี้ คือตัวทำลายการต่อสู้ของบรรพชน”
กับดัก “แบงก์ปลอม” และ “Lidar” ลวงตา
บทวิเคราะห์นี้เปรียบเปรยแผนที่ 1:200,000 ว่าเหมือน “แบงก์ปลอม” ที่ฝรั่งเศสพิมพ์ขึ้น แม้เราจะ “ปฏิเสธความมีอยู่ของมันไม่ได้” แต่มันไม่สามารถใช้ซื้อของได้
“แล้วเหตุใดข้าราชการไทยบางคนจึงบอกว่าเราต้องยอมรับและใช้มัน?”
ที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือข้ออ้างที่ว่าการทำแผนที่ใหม่ด้วยระบบ Lidar (ไลดาร์) จะช่วยแก้ปัญหา ม.ล. กรกสิวัฒน์ ชี้ว่านี่คือ “การหลอกคนไทย” เพราะในเอกสารลับได้ “ล็อกคอ” ประเทศไทยไว้แล้วว่า แม้ภูมิประเทศจะชัดขึ้น แต่ “เส้นเขตแดน” ต้องยกมาจากแผนที่ 1:200,000 ฉบับเจ้าปัญหาเท่านั้น
นั่นหมายความว่า “ภูมะเขือ” จะตกอยู่ในดินแดนกัมพูชาทันที “คนที่บอกว่า MOU 43 คือพระเอกมาฆ่าแผนที่ 1:200,000 คือคนที่ใจร้ายที่สุด เพราะเส้นในแผนที่นั้นจะตามมาหลอกหลอนเราในแผนที่ใหม่”
“ปฏิญญาสันติภาพ” ตอกฝาโลงปราสาทตาควาย?
การสืบสวนขยี้ต่อไปยังประเด็น “ปฏิญญาสันติภาพ” ที่เพิ่งลงนามไป ม.ล. กรกสิวัฒน์ มองว่านี่คือการเดินเกมที่ผิดพลาดมหันต์ เพราะเท่ากับไทย “สละสิทธิ์” ในการยกเลิก MOU 43 ตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งเปิดช่องให้ยกเลิกได้หากเกิด “การละเมิดร้ายแรง” (เช่น สงครามที่เกิดขึ้น)
“เรากำลังได้เปรียบทางทหาร รบอีกอาทิตย์เดียวอาจยึดพื้นที่คืนได้หมด แต่เรากลับรีบหยุดยิง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ล่าว “เราเสียปราสาทตาควายไปแล้ว ใครรับผิดชอบ? เราได้ใบปฏิญญาสันติภาพมาหนึ่งใบ ถ่ายรูป จบ… เพื่ออะไร?”
บทวิเคราะห์ชี้ว่า ไทยไม่ได้ล้อมพื้นที่ไว้จริง เป็นเพียงการประจันหน้าปีกซ้าย-ขวา ทำให้กัมพูชายังสามารถเติมเสบียงและกำลังพลได้ตลอดเวลา “โอกาสที่เราจะได้ปราสาทตาควายคืน แทบจะหมดหวัง เพราะเราไปคืนดีกับเขาแบบไม่มีเงื่อนไข”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ฮุนเซน” แต่อยู่ที่ “คนไทย”?
ม.ล. กรกสิวัฒน์ พุ่งเป้าไปที่ “เนื้อร้าย” ภายในประเทศไทยเอง “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฮุนเซน เขารักชาติของเขา แต่ปัญหาอยู่ที่คนไทยที่ไปเกี่ยวข้อง รักชาติจริงหรือเปล่า?”
เขาตั้งคำถามถึง “ข้าราชการเทา” หรือ “นักการเมือง” ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนในกัมพูชา “ทำไมเอกสารลับเหล่านี้จึงต้องลับสำหรับคนไทย? ฮุนเซนรู้หมดแล้ว เขามีเอกสารที่ฝ่ายไทยเซ็นรับรองทุกอย่าง เขาถึงอยากไปศาลโลก เพราะเขารู้ว่าเราแพ้แน่”
เขาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี (อนุทิน ชาญวีรกูล) ต้องมีทีมงาน “สองทีม” ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่างมาให้ข้อมูล อย่าฟังแต่ฝ่ายที่เชียร์ให้เซ็น
“การที่ผู้นำพูดว่า ‘เราก็ล้ำ เขาก็ล้ำ’ มันอันตรายที่สุด เพราะถ้าเรายึดตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เราไม่ได้ล้ำเลย แต่ถ้าไปยึดแผนที่แบงก์ปลอม 1:200,000 นั่นคือเราล้ำเขา”
เสียงสะท้อนถึงรัฐบาล: แผ่นดินคือเดิมพัน
บทสรุปของบทวิเคราะห์นี้คือการเตือนสติรัฐบาลอย่างรุนแรงว่า การค้าชายแดน 2-3% หรือผลประโยชน์เรื่องพลังงาน ไม่สามารถเทียบได้กับการสูญเสียอธิปไตย “บรรพชนปกป้องมาด้วยเลือดเนื้อ ทหารตาย แขนขาด ขาขาด แล้วเรายังมาเสียดินแดนอีก นี่คือวิกฤตความมั่นคง”
“ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง” ม.ล. กรกสิวัฒน์ ทิ้งท้าย “ฝ่ายราชการจงเปิดเอกสารลับนั้นออกมา ให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นความจริง!”



