ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ประกาศสงครามสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ มุ่งกวาดล้างอย่างเด็ดขาด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตอบรับนโยบายปราบปรามสแกมเมอร์เชิงรุก และเน้นย้ำการ “ตัดวงจรบัญชีม้า” เป็นมาตรการเร่งด่วน โดยได้จัดยุทธการ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สืบสวนติดตามเป้าหมายผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วานนี้ (วันที่ 5 ธันวาคม 2568)เวลาประมาณ 16.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส. นำกำลังชุดสืบสวน พ.ต.ท.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย สารวัตร (สอบสวน) กก.4 บก.ปทส. หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดพิจิตร(ชป.พิจิตร กก.4 บก.ปทส.) และทีม ชป.พิจิตร ลงพื้นที่จับกุม นายวีระพล (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 7139/2568 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ในข้อหา “อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน”
นายวีระพลฯ ผู้ต้องหาซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมที่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ได้หลบหนีมาซ่อนตัวทำงานเป็นแรงงานในร้านอะไหล่ยนต์แห่งหนึ่งย่านรังสิต โดยถูกจับกุมได้ขณะขับรถจักรยานยนต์ที่หน้าร้านอะไหล่ยนต์ ย่านเมืองใหม่รังสิต ผู้ต้องหาให้การรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้ตนเองเคยรับจ้างเปิดบัญชีให้กับคนรู้จักชาวกัมพูชาที่ทำงานด้วยกัน ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีประมาณ 1,000 บาท
หลังจากนั้นเคยถูกดำเนินคดีจนติดคุกมาแล้ว แต่เนื่องจากบัญชีที่ตนรับจ้างเปิดยังถูกเอาไปใช้ จึงถูกดำเนินคดีหลายที่ และมีหมายจบอีกหลายแห่ง ตนเองพอมีฝีมือการช่าง จึงหนีมาซุกตัวทำงานอย่างระวัง รับจ้างทั่วไปอยู่ที่ย่านเมืองใหม่รังสิต วิ่งอะไหล่ยนต์ โบกรถเรียกลูกค้า จนกระทั่งมาถูกจับกุมในครั้งนี้
ถือเป็นการตอกย้ำความเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ ที่ตามกวาดล้างผู้ที่ร่วมขบวนการ แม้แต่ผู้ที่เป็นเพียง “บัญชีม้า” บทเรียนราคาแพงแลกอนาคตกับเงินค่าจ้างเพียงหยิบมือ เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่สะท้อนถึงผลกรรมของผู้ที่เลือกรับจ้างเปิด “บัญชีม้า” ว่าพวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือที่แก๊งอาชญากรใช้ในการฟอกเงินก้อนโต โดยได้รับค่าจ้างเพียงน้อยนิด แต่สุดท้ายต้องแบกรับความรับผิดชอบทางอาญาที่ร้ายแรงที่สุด คือโทษจำคุกในฐานความผิดมูลค่าหลักร้อยล้าน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำบันทึกการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นส่งตัวผู้ต้องหาไปยัง กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายระดับหัวหน้าต่อไป
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิทักษ์ผืนป่า รักษาสิ่งแวดล้อม ถนอมชีวิตสัตว์ สายด่วน 1136
