วันนี้ (2 มิ.ย. 64) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำเครือข่ายแพทย์แผนไทยเดินทางมายื่นคำร้องต่อ รมว.สาธารณสุข และคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อคัดค้านมติของคณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติที่กำหนดให้ผู้ที่สามารถสั่งจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทลายโจร ซึ่งถูกกำหนดให้ขึ้นเป็นบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้ต้องเป็น “ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม” เท่านั้น ซึ่งเป็นเล่ห์ฉลที่ไม่อาจยอมรับได้
ทั้งนี้ การกำหนดให้การใช้ยาดังกล่าวอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรต้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้สั่งให้เท่านั้น อาจถือได้ว่าเป็นการปิดกั้น การเข้าถึงยาประเภทดังกล่าวของชาวบ้านทั่วไป ทั้งๆ ที่ในอดีตที่ผ่านมาการเข้าถึงยาประเภทดังกล่าวเพื่อใช้ในการบรรเทาการไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้ และยับยั้งไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้นั้น ประชาชนสามารถเข้าถึงและหรือใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้สั่งหรือกำหนดแต่อย่างใด ซึ่งหากปล่อยให้การสั่งและใช้ยาต้องผ่านผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น ต่อไปนี้ชาวบ้านจะซื้อหาหรือใช้ยาดังกล่าวมาใช้ จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป จนกว่าจะมีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมสั่งให้เท่านั้น กระนั้นหรือ ?
นอกจากนั้น การขึ้นทะเบียนยาดังกล่าว มิได้กล่าวถึงหรือขึ้นทะเบียนสมุนไพรฟ้าทลายโจรในรูปแบบ “ผงหยาบ” ที่ชาวบ้านได้ผลิตและใช้มาอย่างยาวนานแต่อย่างใด แต่กลับไปมุ่งเน้นแต่เฉพาะการใช้ยาที่มาจากสารสกัดที่มี Andrographolide ขนาด 60-120 มิลลิกรัม และ 180 มิลลิกรัมนั้น ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะต้องมาจากโรงงานผลิตที่เป็นอุตสาหกรรมเท่านั้นที่จะผลิตได้ ชาวบ้านธรรมดาหรือหมอยาชาวบ้านคงผลิตขึ้นตามเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้ จึงเป็นที่สงสัยว่า มติเช่นนี้มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงต่อการขึ้นทะเบียนยาดังกล่าวหรือไม่
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และเครือข่ายทางการแพทย์แผนไทย จึงเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านต่อ รมว.กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อขอให้สั่งการให้คณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ด้านสมุนไพร ได้พิจารณาทบทวนมติดังกล่าว โดยตัดคำว่า “ให้ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม” ออกไปเสีย ซึ่งหากการร้องเรียนครั้งนี้ไม่เป็นผล สมาคมฯ และเครือข่ายฯจะนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด