วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกคอลัมนิสต์สืบจากข่าว*ย้อนรอย ม.44 ผ่าทางตันรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน...ถึงสายสีเขียว*

Related Posts

*ย้อนรอย ม.44 ผ่าทางตันรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน…ถึงสายสีเขียว*

* เมื่อนักการเมือง “หิวแสง” ออกโรงขวางอย่างมีนัยซ่อนเร้น*

* ย้อนรอย ม.44 ผ่าทางตันรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน…ถึงสายสีเขียว*

* แก้ปัญหาเดียวกันแต่ “ดับเบิ้ล สแตนดาร์ด”*

“…น่าแปลก! ทำไมค้านอยู่สายเดียว ทั้งที่นายกฯใช้ ม.44 แก้ปัญหาสัมปทานสายสีน้ำเงินเหมือนกันแต่กลับไม่ติดใจ ประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มฉาวโฉ่รึท่าน ส.ส.ก็ไม่ยุ่ง  แต่พอเขาใช้ ม.44 แก้สัมปทานสายสีเขียวกลับวิ่งพล่านขวางลำ….”

*เห็น “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์” วิศวกรผู้เชี่ยวชาญระบบขนมวลชนส่งขนาดใหญ่ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ FB กรณีการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มล่าสุดที่มีความเป็นไปได้ว่า กระทรวงคมนาคมกำลังมีความพยายามจะเร่งนำเสนอผลการประมูลต่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) พิจารณาอนุมัติในเร็ววันนี้*

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิศวกรผู้เชี่ยวชาญระบบขนมวลชนส่งขนาดใหญ่ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

โดยเจ้าตัวได้ตั้งข้อสังเกตประเด็น ข้อกังขาต่างๆ ซึ่งเคยสอบถามฝ่ายบริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ในหลายโอกาส แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่างเสียที เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาไตร่ตรองก่อนจะหลวมตัวไฟเขียวโครงการนี้ออกไป

อาทิ 1.การประมูลครั้งที่ 1 ที่ รฟม.เปลี่ยนเกณฑ์ประมูลกลางครันจากเดิมที่ต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค เมื่อผ่านข้อเสนอด้านเทคนิคแล้วจึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนมาเป็นการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาประกอบกัน โดย รฟม.อ้างว่า เนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นผลให้ต้องใช้เกณฑ์ใหม่ แต่เกณฑ์ใหม่กลับให้คะแนนด้านเทคนิคเพียงแค่ 30% เท่านั้น ย้อนแย้งกับเหตุผลที่ รฟม.กล่าวอ้าง อีกทั้งที่ผ่านมา รฟม.ก็ใช้หลักเกณฑ์ประมูลเดิมในการประมูลรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ของตนเองมาไม่รู้กี่สาย แม้แต่สายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะที่ประมูลหลังโครงการนี้  

2. เหตุใด รฟม.จึงลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่ไปเพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาในการประมูลครั้งใหม่  เป็นการเอื้อประโยชน์และกีดกันเอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ? เพราะหาก รฟม. ไม่ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง จะทำให้ Incheon Transit Corporation หรือ ITC ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลีใต้ไม่สามารถร่วมยื่นประมูลร่วมกับ ITD ได้ และหาก รฟม. ไม่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จะทำให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ร่วมกับบริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง ฯ หรือ STEC ที่เคยยื่นประมูลครั้งที่ 1 สามารถยื่นประมูลได้

3. เหตุใด รฟม. จึงพิจารณาให้ ITD ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ทั้งๆ ที่กรรมการบริหารของ ITD ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ทำให้มีคุณสมบัติขัดหรือแย้งกับประกาศของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน  

 4. จากการเปรียบเทียบการประมูลครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ที่ทำให้รัฐต้องช่วยค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึง 6.8 หมื่นล้าน ก่อให้เกิดคำถามว่า ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ?  เนื่องจากข้อเสนอของ BTSC ร่วมกับ STEC ในการประมูลครั้งที่ 1 (ซึ่งรัฐต้องช่วยค่าก่อสร้าง 9,675.42 ล้านบาท) สามารถนำมาเปรียบเทียบกับข้อเสนอของ BEM ในการประมูลครั้งที่ 2 (ซึ่งรัฐต้องช่วยค่าก่อสร้าง 78,287.95 ล้านบาท) ได้ เพราะแบบก่อสร้างเหมือนกันราคากลางในการประมูลทั้ง 2 ครั้ง เท่ากันคือ 96,012 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา

*นายกฯตู่ “ขว้างงูไม่พ้นคอ” ?*

*สิ่งที่วิศวกรผู้เชี่ยวชาญระบบขนส่งขนาดใหญ่สะท้อนออกมาข้างต้น คงเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยเฉพาะนายกฯ *พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา* ที่เพิ่งจะออกมาเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันสอดส่องและร่วมกันชี้เบาะแสโครงการทุจริตคอร์รัปชั่นออกมา โดยยืนยัน นั่งยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้นมาได้*

แต่เมื่อ “องค์การต้านโกง” หรือ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ ACT ที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตุการณ์การประมูลโครงการนี้อยู่ด้วย ได้ลุกขึ้นมาฟ้อนเงี้ยว เรียกร้องให้นายกฯลงมาตรวจสอบปม “ส่วนต่าง” การประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มอื้อฉาวกว่า 68,000 ล้านที่ว่านี้   เช่นเดียวกับสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย แต่กลับแปลกที่นายกฯ”บิ๊กตู่”กลับทำเป็นหูทวนลม ไม่กล้า “หักดิบ” พรรคร่วมรัฐบาลที่นัยว่า วันนี้กำลังผงาดประกาศจะเป็นนายกฯ ซะให้ได้

เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง

*จึงไม่แปลกที่แม้แต่ เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ที่ร่วมยื่นข้อเสนอโครงการนี้อยู่ด้วยถึงกับออกมาพูดว่า  หากรัฐบาลชุดนี้ปล่อยผ่านให้โครงการนี้ผ่านฉลุยไปได้ โดยที่รัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินภาษีประชาชนลงไปสนับสนุนเอกชนแพงกว่าที่กลุ่ม BTS-BBSR ยื่นข้อเสนอเอาไว้กว่า 68,000 ล้านบาท ทั้งที่เนื้องานโครงการนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้แต่ “ไม้จิ้มฟัน” แล้ว

ส.ส.โจ้- นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)

*นั่นคือตราบาปที่รัฐบาลชุดนี้กำลังจะทิ้งไว้ให้ลูกหลานได้ดูต่างหน้าอย่างแน่นอน*  

เห็นสิ่งที่หลายภาคส่วนร่วมกันสะท้อนกันออกมาแล้ว ก็ให้นึกเลยไปถึงเรื่องที่  “ส.ส.โจ้- นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เพิ่งออกมาถล่ม “เจ้าสัวคีรี” ที่นำฝ่ายบริหารและพนักงานไปสักการะท่านท้าวมหาพรหม เพื่อดลบันดาลให้ กทม.จ่ายหนี้ 40,000 ล้านแก่ BTS เสียที ก่อนที่เจ้าตัวจะร่ายยาวถึงปมหนี้ 40,000 ล้านของ BTS ที่ว่านี้

ซึ่งยิ่งแถลงก็ยิ่งทำให้สังคมกังขาว่า นี่เป็นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยกันจริงๆ หรือว่าเจ้าตัวเองแอบไป “รับจ๊อบ” จากใครมาหรือไม่? ถึงได้กระโดดออกมาถล่มโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียวของ BTS เจ้าเดียว  ตะบี้ตะบันค้านอยู่แค่สัมปทานสายสีเขียวอยู่รายเดียว ทั้งที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ใช้ ม.44 ออกคำสั่งแก้ไขปัญหาทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย จนนำมาซึ่งมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่เห็นชอบให้ประเคนสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย 30 ปีให้แก่ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM ไป แถมยังดอดไปขยายสัมปทานสายสีน้ำเงินเดิมพ่วงให้ไปอีก 20 ปี

แต่ก็ให้น่าแปลกเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ท่าน “ส.ส.โจ้” ผู้ทรงเกียรติที่อ้างว่าติดตามการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าทั้งหลายแหล่กลับ “ไม่ติดใจ” 

*ประมูลสายสีส้ม…หมูจะหาม (BTS ) เอาคานมาสอด?*

*เช่นเดียวกับกรณีการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มข้างต้น ที่ทั้ง “องค์การต้านโกง” สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ยังออกโรง เรียกร้องให้นายกฯได้ลงมาตรวจสอบข้อมูล ปม “ส่วนต่าง” การประมูลกว่า 6.8 หมื่นล้าน แต่ “ส.ส.โจ้ผู้ทรงเกียรติ” ก็ไม่ยุ่งอีก! หรือกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ต่อขยายสัมปทานทางด่วน ส่วนเหนือให้กับ BEM ไปกว่า 15 ปี เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทเรื่องของค่าโง่ ที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้การทางพิเศษฯ(กทพ.)ชดเชยความเสียหายให้แก่คู่สัญญาเอกชนไปแล้ว 4,300 ล้านบาทเศษ ทั้งที่หลายคดียังอยู่ในชั้นการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ หรือยังอยู่ในชั้นศาล ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ ออกมา แต่ “ส.ส.โจ้” ก็ไม่ติดใจ*

แต่พอเขาใช้ ม.44 แก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะโครงการนี้มีความสลับซับซ้อนมีทั้งโครงการสัมปทานเดิมที่จะหมดสัญญาปี 2572 มีโครงการจ้างเดินรถส่วนต่อขยายเดิมระยะที่ 1 ที่มีสัญญาจ้างไปจนถึงปี 2585 และยังมาส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ครม.สั่งให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ(รฟม.) โอนโครงข่ายส่วนต่อขยาย 2 สายทางเหนือ-ใต้ มาให้ กทม.รับไปบริหารเอง โดยให้ไปว่าจ้างเอกชนเดินรถเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งก็หนีไม่พ้นจะต้องไปว่าจ้าง BTS นั่นแหล่ะเดินรถ

แต่ก็เกิดปัญหาตรงที่ กทม.บ่จี้ ไม่มีเงินจะไปจ่ายหนี้ค่าจ้างทั้งหลายแหล่ ทั้งหนี้ลงทุนระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 1 เดิม และหนี้ค่าจ้างเดินรถที่ติดค้างมาตั้งแต่ปี 2559 รวมทั้งหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 2 ที่รับโอนมาจากรฟม.ซึ่งจะต้องจ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่ รฟม.อีกกว่า 53,000 ล้าน และยังต้องจ้าง BTS ลงทุนระบบรถฟ้าและเดินรถกับซ่อมบำรุงอีกหลายหมื่นล้าน 

จึงเป็นที่มาของการออกคำสั่ง ม.44 ให้กระทรวงหาดไทย(มท.) ตั้งคณะทำงานเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานบีทีเอส(BTS) จนได้ข้อยุติที่จะให้คู่สัญญาเอกชนรับหนี้สินรถไฟฟ้าทั้งมวลไป แลกกับการขยายสัมปทาน 30 ปีจนถึงปี 2602 โดยจะต้องคงอัตราค่าโดยสารในราคา 15-65 บาท และยังต้องจ่ายค่าสัมปทานให้ กทม.ตลอดสัญญาสัมปทานใหม่ 200,000 ล้านบาทด้วย

แต่ยังไม่ทันที่กระทรวงมหาดไทย และกทม.จะนำข้อยุติดังกล่าวเสนอที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่ ก็ถูกกระทรวงคมนาคม ซึ่งแต่เดิมก็ให้ความเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ BTS ระหว่าง กทม.กับคู่สัญญาเอกชนมาโดยตลอด แต่พอ BTS ที่แบ่งร่างไปร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ของ รฟม.ที่มีการรับรู้เป็นการภายในมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่า โครงการนี้ที่มีมูลค่าลงทุนและสัมปทานรวมกว่า 1.427แสนล้านบาทนั้นจะประเคนไปให้แก่เอกชนรายใด

ดั่งโบราณที่ว่า “ *หมูเขาจะหาม ( BTS)  ดันเอาคานมาสอด”* จึงทำให้เส้นทางการแก้ไขสัญหาสัมปทานสายสีเขียว คาราคาซังมาจะร่วม 3 ปีแล้วในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้ม ที่ก็คาราคาซังมากกว่า 3 ปีเช่นเดียวกัน

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

*ประมูลสายสีเขียวส่วนขยาย….ระวังตายน้ำตื้น* 

*กับข้อเสนอของ “ส.ส.โจ้” ที่จะให้นำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการตาม พรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน(พีพีพี)ปี 2562  โดยเสนอให้เปิดประมูลเป็นการทั่วไป ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกับที่ผู้ว่า กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ออกมาเรียกร้องก่อนหน้านั้น โดยอ้างเพื่อให้เกิดความโปร่งใส* 

ก็ไม่รู้ท่านผู้ว่า กทม. และ ส.ส.โจ้ ผู้ทรงเกียรติ ได้เคยติดตามกรณีการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มที่กำลังเป็นประเด็นสุดร้อนอยู่ในเวลานี้หรือไม่ เพราะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ รฟม.อ้างว่า ได้ดำเนินการตามกรอบและขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.การร่วมลงทุนฯ ปี 2562 ทุกกระเบียดนิ้ว มีสภาพเป็นอย่างไร อื้อฉาวขนาดไหนคงไม่ต้องฉายหนังซ้ำกระมัง

เพราะเปิดประมูลมากว่า 3 ปีแล้ว จนวันนี้ยังคาราคาซังไม่ไปไหน ยังความเสียหายต่อเศรษฐกิจไปไม่รู้กี่พัน กี่หมื่นล้าน ทำให้ประชาชนผู้โดยสารต้อง “ชวด” ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าไปไม่รู้จักกี่ปี ทั้งยังทำให้รัฐอาจต้องเสียค่าโง่ จ่ายค่าดูแลรักษาโครงข่ายรถไฟฟ้า สายสีส้มตะวันออก ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 64 แล้ว จะต้องรอโครงการสายสีส้มตะวันตก และสัมปทานการเดินรถที่กระทรวงคมนาคม และรฟม.กำลังโม่แป้งอยู่นี้ ซึ่งไม่รู้จะไปเสร็จกันเอาชาตินี้ หรือาติหน้า(ตอนบ่ายๆ)

“ แล้วโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีเนื้อหาสุดซับซ้อนยิ่งกว่าไหนจะสัมปทานโครงการเดิมที่เป็น “ออริจินัล” ของ BTS ไหนจะส่วนต่อขยาย ที่ 1 2 สายทางที่กทม.ว่าจ้าง BTS เดินรถ 30 ปีผ่านวิสาหกิจ บริษัทกรุงเทพ ธนาคมจำกัด(KT) ของ กทม.เอง ไหนจะส่วนต่อขยาย เหนือ-ใต้ 2 สายที่ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้โอนโครงข่ายจาก รฟม.มาให้ กทม.รับช่วงไปบริหารเดินรถเอง แล้วจะลากเข้าไปแก้ไขปัญหาในแบบปกติได้หรือ?”

หากไปดำเนินการประมูลหาเอกชนรายใหม่เข้ามาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ปัญหาที่จะเกิดตามมาทันทีก็คือ การเดินรถที่ไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถให้บริการ Through Operation ได้  ผู้โดยสารจะเดินทางเชื่อมต่อโครงข่ายกันอย่างไรหากผู้ให้บริการโครงข่ายส่วนต่อขยาย กับผู้ให้บริการโครงข่าย BTS เดิมเป็นคนละรายกัน ยังไม่รวมไปถึงปัญหาการคิดค่าโดยสาร ค่าผ่านโครงข่าย และค่าแรกเข้าจะคิดกันอย่างไร   

การนำเอาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวกลับไปดำเนินการตาม พรบ.พีพีพี ปี 2562 โดยต้องเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานเดินรถโครงการส่วนต่อขยาย 2 สายทาง ที่ไม่ใช่ BTS แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? จะเชื่อมโยงการเดินทางกันอย่างไร? ในเมื่อเป็นคนละโครงข่าย จะไปออกเงื่อนไข TOR จะต้องเชื่อมโยงกับโครงข่ายเดิมของ BTS ไปละเมิดสัญญาสัมปทานเขาให้งานเข้าได้หรือ? ประชาชนผู้โดยสาร ไม่ต้องลงรถเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกันหรือ ในเมื่อผู้ให้บริการเป็นคนละรายกัน  และจะต้องคิดค่าแรกเข้าแต่ละระบบกันอย่างไร (กรณีเคยเกิดช่วงเดินรถสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่มาแล้ว จนต้องแก้ไขปัญหาด้วยการจ้างรายเก่า BTS เดินรถต่อเนื่องในปัจจุบัน)

ส่วนเรื่องที่ว่า เหตุใดรัฐและ กทม.จึงออกแบบโครงข่ายรถไฟฟ้า(รวมไปถึงทางด่วน) ทอดยาวข้ามจังหวัดรอบปริมณฑลด้วย เป็นการโยนภาระมาให้คน กทม.รับกรรมแทนหรือไม่นั้น ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเสียงสะท้อนจุดยืนเดียวกับที่ผู้ว่า กทม.เคยตั้งคำถามไปยังรัฐบาลก่อนหน้านี้จากการที่ กทม.ต้องไปแบกรับภาระลงทุนโครงข่ายสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ทอดยาวไปยังจังหวัด สมุทรปราการ และปทุมธานี  

แต่เรื่องนี้ “ท่าน ส.ส.โจ้” และ “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” คงต้องย้อนถามไปยังรัฐบาลเองครับเพราะโครงข่ายส่วนต่อขยายที่ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นคนดำเนินการก่อนจะมีมติ ครม.โอนมาให้ กทม.บริหาร และไม่ได้โอนมาให้ฟรีเสียด้วย เงินลงทุนในโครงการนี้กว่า 53,000 ล้านบาทนั้น กทม.ยังต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยทุกเม็ดให้กับ รฟม.(มติ ครม.11 พ.ย.61)ด้วยอีก (ทั้งที่หากเป็นการลงทุนของ รฟม.เองไม่ต้องใช้คืนใดๆ)

*ยิ่งในส่วนของ “ทั่นผู้ว่าชัชชาติ” นั้นควรต้องนั่ง “ไทม์แมชชีน” กลับไปถามตัวเองตอนเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม” ด้วยว่า เหตุใดจึงอุตริไปจัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าที่ลากสายทางข้ามภพข้ามชาติไปยังจังหวัดปริมณฑลเอาได้  และไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าสายสีเขียวเท่านั้น  โครงข่ายรถไฟฟ้าสายอื่นๆ  ล้วนทอดยาวข้ามไปยังปริมณฑล หรือมีแผนต่อขยายออกไปปริมณฑล ไปเอื้อให้ผู้คนในจังหวัดรอบนอกได้อานิสงทั้งนั้น*

ไล่ดะมาตั้งแต่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย และสายสีแดง สายสีเหลือง สายสีม่วง และสายสีชมพู ฯลฯ  อย่างรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น มีแผนขยายช่วงรังสิน-มธ.รังสิต  8.84 กม.และจากตลิ่งชัน-ศาลายา นครปฐม 15 กม.ยิ่งสายสีม่วงใต้ ที่ รฟม.เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาไปก่อนหน้าที่ลากโครงข่ายจากเตาปูน-ดาวคะนอง-ราษฎร์บูรณะ ไปสิ้นสุดที่ครุในด้วยแล้ว ทอดยาวข้ามจากกรุงเทพ-นนทบุรี-สมุมทปราการ ถึง 3 จังหวัดรวด

เหตุใดกระทรวงคมนาคมจึงจัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าได้มั่วตุ้มขนาดนี้ (หรือว่าเสพกัญชากันจนประสาทหลอน)  ถึงไปก่อสร้างโครงข่ายข้ามภพข้ามชาติข้ามจังหวัดกันแบบนั้น ไปยัดเยียดความเจริญให้คนเหล่านั้นทำไมในเมื่อไม่ใช่ประชากรของ กทม.สักหน่อย แถมยังเอาหนี้มาโยนโครมให้คนกรุงหรือให้คนทั้งประเทศแบกรับกันอีก! ทำไมไม่ใช้หลักใครใช้ ใครจ่าย ใครลงทุนหล่ะ อยากมีรถไฟฟ้าก็สร้างเอง จ่ายเองกันไป!!!

*เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่รองหัวหน้าพรรค พท.ออกโรงถล่มแต่รถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS อยู่สายเดียวนั้น สื่อไหนเขาก็ดูออกว่ามี “วาระซ่อนเร้น” เป็นแน่ เพราะทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ที่ต่างก็ใช้ ม.44 แก้ไขปัญหา แต่ท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียนรติกลับไม่ติดใจ ประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มฉาวโฉ่รึก็ไม่ยุ่ง ครม.มุบมิบต่อสัมปทานทางด่วน 15 ปียังไปสนับสนุนเขาด้วยอีกแต่พอเขาใช้ ม.44 แก้สัมปทานสายสีเขียวกลับวิ่งพล่านกระโดดขวางลำทันที  มันจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากมหกรรมปาหี่ป้องผลประโยชน์ชาติ หรือไม่ก็แค่ชะแว้ปไป “รับจ๊อบ” ใครเขามาเท่านั้น !!!*

#สืบจากข่าว : รายงาน

> คลิ๊กฟังบน Blockdit

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts