วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงินศาลสิงคโปร์ตราหน้า zipmex ตอบไม่ตรงคำถาม ลักลั่นจ่ายหนี้อินโดฯ ไม่เท่าเทียม-รับไม่ได้ ด้าน ก.ล.ต.ถูกมองข้ามหัว

Related Posts

ศาลสิงคโปร์ตราหน้า zipmex ตอบไม่ตรงคำถาม ลักลั่นจ่ายหนี้อินโดฯ ไม่เท่าเทียม-รับไม่ได้ ด้าน ก.ล.ต.ถูกมองข้ามหัว

“…ศาลสิงคโปร์ตราหน้า Zipmex ลักลั่นจ่ายเงินชาวอินโดนิเซีย อ้างเกรงใจหน่วยงานกำกับฯ อินโดนีเซีย นักลงทุนถามหน่วยงานกำกับไทย หัวกดอยู่ไหน..! ผู้เสียหายถามหาความเท่าเทียม ศาลชี้พฤติกรรมของ Zipmex “ศาลรับไม่ได้” เมื่อมาขอความคุ้มครอง แต่กลับมีพฤติกรรมลับหลังศาล  “ศาลไม่ใช่นักค้าอวัยวะนะ” เปิดพฤติกรรมขี่ม้าเลียบค่ายตอบไม่ตรงคำถามฉบับเต็ม… นอกจากนั้นยังส่งข้อตกลงทาง email ให้เจ้าหนี้ประเทศไทย “แบบมัดมือชก” ป้องธุรกิจตัวเองส่อลอยแพเจ้าหนี้ไทย…”

นับตั้งแต่เกิดวิกฤติสภาพคล่อง นำเงินลูกค้าไปลงทุนต่อ มองหาผลประโยชน์จนความเจ๊งถามหา … บริษัท Zipmex Asia Pte. Ltd. และ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ Zipmex Pte. Ltd. รวมถึงบริษัทในเครือ (“ซิปเม็กซ์”) ได้ยื่นคำขอพักชำระหนี้ต่อศาลประเทศสิงคโปร์ ราวเดือน สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

Zipmex อ้างว่าการยื่นประกอบคำขอพักชำระหนี้ อันแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ และความจริงใจในการปรับโครงสร้างหนี้ของซิปเม็กซ์

ศาลประเทศสิงคโปร์ ศาลได้พิจารณาอนุญาตคำขอพักชำระหนี้ ตามที่ซิปเม็กซ์ร้องขอ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม  2565 โดยครอบคลุมระยะเวลาจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งส่งผลให้ทั้ง 5 บริษัทของซิปเม็กซ์ได้รับการคุ้มครอง ไม่ให้เจ้าหนี้รายใดก็ตามที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลสิงคโปร์สามารถยื่นฟ้องหรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายได้ ในระยะเวลาดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขให้รายงานผลการดำเนินการต่างๆอย่างละเอียด เพื่อคำนึงถึงลูกค้าผู้เสียหายทั้งหมดในหลายประเทศ ตลอดช่วงระยะเวลาจนกว่าจะถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2565

การพิจารณาคดีต่อหน้าแผนกทั่วไปของศาลสูง เพื่อสอบถามประเด็นการช่วยเหลือเจ้าหนี้ของ Zipmex นอกจากยังไม่มีความคืบหน้าในการชำระหนี้อย่างน่าพอใจแล้ว การกระทำของ Zipmex ส่อว่า มองไม่เห็นหัวเจ้าหนี้คนไทยแม้แต่น้อย โดยศาลได้แสดงความกังวลอย่างมาก และชี้ว่าพฤติกรรมของ Zipmex ในการชิงจ่ายเงินให้ผู้เสียหายในประเทศอินโดนีเซียก่อน ผู้เสียหายในประเทศอื่นพร้อมๆ กัน เป็นสิ่งที่ศาลรับไม่ได้ เมื่อมาขอความคุ้มครอง แต่กลับมีพฤติกรรมลับหลังศาล  โดยศาลชี้ว่าอย่างน้อยก็บอกศาลว่ามีแผนจะทำอะไรต่อ ศาลไม่ใช่นักค้าอวัยวะนะ

นักลงทุนที่เสียหายต่างเฝ้ารอผลอย่าใจจดใจจ่อ โดยคาดหวังว่า zipmex จะมีคำตอบเป็นที่น่าพอใจ

จนแล้วจนเล่าในช่วงวันที่ 2 ธันวาคม 2565 การพิจารณาคดีต่อหน้าแผนกทั่วไปของศาลสูง เพื่อสอบถามประเด็นการช่วยเหลือเจ้าหนี้ของ Zipmex นอกจากยังไม่มีความคืบหน้าในการชำระหนี้อย่างน่าพอใจแล้ว การกระทำของ Zipmex ส่อว่า มองไม่เห็นหัวเจ้าหนี้คนไทยแม้แต่น้อย โดยศาลได้แสดงความกังวลอย่างมาก และชี้ว่าพฤติกรรมของ Zipmex ในการชิงจ่ายเงินให้ผู้เสียหายในประเทศอินโดนีเซียก่อน ผู้เสียหายในประเทศอื่นพร้อมๆ กัน เป็นสิ่งที่ศาลรับไม่ได้ เมื่อมาขอความคุ้มครอง แต่กลับมีพฤติกรรมลับหลังศาล  โดยศาลชี้ว่าอย่างน้อยก็บอกศาลว่ามีแผนจะทำอะไรต่อ ศาลไม่ใช่นักค้าอวัยวะนะ

นี่คือบทการสนทนาระหว่างการพิจารณาคดีในวันนั้น

Q : ผมมีคำถามสองสามข้อ ข้อแรกคือการกระทำของคุณที่อินโดนีเซีย ที่คุณคืนเงินให้กับชาวอินโดนีเซีย มันจะไม่ส่งผลกระทบกับเจ้าหนี้รายอื่นเหรอ (หมายถึงผู้เสียหายของประเทศอื่น)

A : ไม่หรอกครับท่าน เพราะว่าการคืนเงินให้ชาวอินโดนีเซียส่งผลเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย ผลกระทบที่เจ้าหนี้รายอื่นได้รับจะมีเพียงว่าสินทรัพย์ของ Zipmex Asia จะถูกถ่ายโอนไปให้ Zipmex Indonesia เพื่อให้มีเงินพอที่จะจ่ายคืนให้กับคนที่ต้องการเงินคืน ที่เราต้องรีบเพราะต้องทำให้ทันกำหนดเวลาและเราเซ็นสัญญากับหน่วยงานของอินโดนีเซียไม่ทัน

Q : แต่ว่านั่นมันคือการช่วยคนแค่กลุ่มเดียวให้มีสิทธิดีกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ

A : ทั้งใช่และไม่ใช่ครับ ใช่ถ้าเรามองว่าเจ้าหนี้ทุกคนมีสิทธิเท่ากันในการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ไม่ใช่ถ้าเรามองว่าแต่ละบริษัทในการปรับโครงสร้างหนี้สามารถกระทำการแยกออกจากกันได้ มันไม่ใช่การให้สิทธิคนใดคนหนึ่งเหนือกว่าเพราะ Zipmex Indonesia มีฐานะเป็นผู้ดำเนินการในตัวของมันเองแยกต่างหาก ท่านครับ ไม่มีการเลือกปฏิบัติในแต่ละบริษัทภายใน Zipmex ด้วยกัน

Q : แต่ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง คุณก็ใช้สินทรัพย์ของทั้งกลุ่ม Zipmex ไปจ่ายให้กับบริษัทเดียวในกลุ่มบริษัทอยู่ดี

A : ใช่ครับ แต่เราต้องทำอย่างนั้นเพราะต้องรีบทำให้ทันกำหนดเวลาที่หน่วยงานกำกับดูแลอินโดนีเซีย (BAPPEBTI) กำหนด

Q : คุณทำอย่างอย่างนี้มันก็จะมีคนมาร้องเรียนสิ ลองนึกตามอย่างนี้นะ ถ้าหน่วยงานกำกับดูแลของออสเตรเลียสิงคโปร์ และไทยมากำหนดให้คุณรีบจ่ายเงินอย่างนี้บ้างล่ะ

A : เอ่อ ผมไม่ได้จะแนะนำให้หน่วยงานกำกับดูแลทำหรือไม่ทำอะไรครับ

Q : ไม่คุณช่วยตอบคำถามหน่อยได้มั้ย การที่คุณยอมจ่ายเงินให้ชาวอินโดไปก่อนน่ะ มันทำให้หน่วยงานกำกับดูแลประเทศอื่นนึกได้ว่าควรจะทำแบบนี้กับคุณบ้างนะ

A : ครับท่าน การถ่ายโอนสินทรัพย์ไปอินโดนีเซียถูกคิดอย่างรอบคอบโดยผู้บริหารของเราครับ

Q : ไม่มันไม่สำคัญเลย ผมไม่สนหรอกว่าผู้บริหารของคุณจะคิดมาอย่างรอบคอบหรือตัดสินใจชั่วข้ามคืน แต่ที่สำคัญคือการที่คุณทำอย่างนี้จะทำให้หน่วยงานกำกับดูแลนึกได้ว่าควรคว้าโอกาสนี้ในการทำแบบเดียวกันเพื่อคนประเทศตัวเอง คุณแทบจะหยามหน้าศาลสิงคโปร์ด้วยซ้ำโดยการจ่ายให้กับชาวอินโดก่อนที่จะรายงานต่อศาลสิงคโปร์ ถ้าคุณจะทำอย่างนี้แต่แรก แล้วมาขอพักชำระหนี้ในศาลสิงคโปร์ตามมาตรา 65C ทำไม เราคาดหวังให้คุณทำตามคำขอในการพักชำระหนี้โดยการปรับโครงสร้างหนี้ของทั้งกลุ่มองค์กร แต่ขณะเดียวกันคุณกลับปลดภาระให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งโดยทิ้งคนที่เหลือในกลุ่มให้อยู่ในสภาพเดิมโดยไม่บอกศาลด้วยซ้ำ ผมไม่สนใจเลยว่าผู้บริหารของคุณคิดมาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่คุณทำนั้นทำให้คำขอพักชำระหนี้ของคุณไร้ความหมายไปเลย

A : ท่านครับ เราไม่ได้ขอพักชำระหนี้ตามมาตรา 65C เราขอตามมาตรา 64

Q : โอเค แล้วคุณขอกับศาลอินโดรึไง

A : เอ่อ ที่เราต้องโอนให้ชาวอินโดเพราะทำตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลอินโด (BAPPEBTI)

Q : ผมไม่สนคุณดูจะไม่เข้าใจเรื่องที่ผมห่วงเลย คุณไม่พูดถึงประเด็นที่ผมถามเลยซักนิด ผมไม่สนว่าคุณจัดการเรื่องภายในกันยังไง แต่คุณเอาทั้งกลุ่มบริษัทมาขอความคุ้มครองศาลในการพักชำระหนี้ แต่หลังจากนั้นคุณลำเอียงปลดภาระให้กับบริษัทนึงไปก่อน ไม่ว่าจะเพราะหน่วยงานกำกับดูแลนั่นเป็นเรื่องของคุณ แต่คุณขอความคุ้มครองแล้วกลับทำแบบนี้ลับหลังศาล ทำไปก่อนแล้วมาบอกทีหลังเนี่ยนะ ผมถามคุณหน่อยว่าทำแบบนี้แล้วศาลจะให้ความคุ้มครองคุณในฐานะอะไร คุณทนาย คุณเข้าใจประเด็นที่ผมพูดถึงมั้ย

A : ครับท่านผมเข้าใจ

Q : ผมอยากได้คำอธิบายจากคุณ หรือคำอธิบายมีแค่คุณต้องทำสิ่งที่คุณต้องทำ แค่นั้น?

A : เอ่อ… คำอธิบายมันง่ายมากครับ ถ้าเราไม่จ่ายเงินให้ชาวอินโดภายในกำหนดเวลาวันที่ 4 พฤศจิกายน….

Q : เหตุผลในทางธุรกิจมันไม่สำคัญเลย ที่ผมอยากได้คือคำอธิบายว่าทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ทั้งๆ ที่มีคำขอพักชำระหนี้กับศาลสิงคโปร์แล้ว

A : ครับท่าน

Q : ไม่ แบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ อย่างน้อยก็บอกศาลว่าคุณมีแผนจะทำอะไรต่อ ผมเป็นศาลไม่ใช่นักค้าอวัยวะนะ

A : ครับท่าน

Q : ไม่มีคำอธิบายอะไรกับผมเลยใช่มั้ย คุณแค่ทำๆไปก่อน

A : ครับท่าน คำอธิบายก็อย่างที่ท่านบอกเลยครับ เราแค่ทำไปตามเหตุผลทางธุรกิจ

Q : ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจตามเหตุผลทางธุรกิจ คุณไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะตัดสินใจทำอะไรก็ได้ตามใจคุณ คุณเรียกร้องการคุ้มครองของศาลโดยขอเลื่อนการชำระหนี้ แต่คุณทำแบบนี้ได้ไง แบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ

A : ครับท่าน สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคือ เราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

Q : เอาอีกแล้ว แล้วศาลเป็นอะไร เป็นแค่ของที่คุณนึกถึงท้ายสุด คุณไปปรึกษากับผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินหลายเจ้าคุยกันภายในกลุ่มผู้บริหาร ตัดสินใจทำไปก่อน แล้วมาบอกศาลทีหลัง ผมรู้สึกเหมือนโดนขโมยอวัยวะเลยนะ

A : ท่านครับ เราไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ผมเข้าใจท่านและรับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

Q : ผมไม่แน่ใจว่าการกระทำของคุณจะไม่ได้เกิดจากการลำเอียงจริงๆ รึเปล่า แต่ช่างมัน เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมจินตนาการได้ว่าเจ้าหนี้ของคุณจากหลายๆ ประเทศและเขตอำนาจศาลไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมคงเสียใจไม่น้อย ผมไม่รู้ว่าคุณทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากขึ้นรึเปล่าจากการทำอย่างนี้ แต่เอาเถอะมันทำไปแล้ว แล้วตอนหลังผมจะมาพูดถึงผลกระทบที่ตามมาทีหลัง

พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงออกถึงความมีธรรมาภิบาลมากหรือน้อย ของ zipmex ให้นักลงุทนทั่วโลกตัดสินเอาเองได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นความลักลั่นอย่างต่อเนื่อง นับมาตั้งแต่การออกแคมเปญ เรื่อง  ZipUp+ มาตั้งแต่ต้น ทั้งที่ผิดกฎหมาย ...การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล .. 2561 ในการทำหน้าที่ของธุรกิจศูนย์ซื้อขายฯ แล้วมีการรับฝากทรัพย์สินของลูกค้า มีกฎเกณฑ์กำหนดไว้ชัดเจนว่า 

บริษัทห้ามนำทรัพย์สินของลูกค้าไปหาดอกผล และต้องเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัย

ก.ล.ต. ที่ได้แต่อ้าง  “ไม่มีการมาหารือกับ ...ก่อนเลย” ส่อไม่รู้ไม่ชี้ โดย ก.ล.ต. ชี้ว่าได้รับแจ้งตอนมีประเด็นปัญหาเกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ค.65  ทั้งที่ ก.ล.ต. มีอำนาจเต็มมือ 

ถ้านักลงทุนที่เป็นเหยื่อในเหตุการณ์ zipup+ จะถามหาความรับผิดชอบ นอกจากตามติดกับเอกชนรายนี้แล้ว หลายคนอาจจะต้องการจี้ไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ที่ได้แต่อ้าง  “ไม่มีการมาหารือกับ ...ก่อนเลย” ส่อไม่รู้ไม่ชี้ โดย ก.ล.ต. ชี้ว่าได้รับแจ้งตอนมีประเด็นปัญหาเกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ค.65  ทั้งที่ ก.ล.ต. มีอำนาจเต็มมือ 

Zipmex  มีโปรแกรมแนะนำการลงทุน  ZipUp+ โดยโฆษณาว่า สามารถให้ผลตอบแทนได้ถึง 6-12% ต่อปี ขึ้นอยู่กับชนิดของเหรียญที่นักลงทุนรายย่อย นำมาฝากล็อคไว้ในระบบ  ZipUp

เหยื่อบางรายอยากจะถามว่าไปตีมึนในรูไหนมา … ทั้งที่มีการโปรโมทแคมเปญ ZipUp+ มาร่วม 2 ปี ซึ่งเป็นโปรแกรมการลงทุนนอกกฎหมายไทยใช่หรือไม่  

Zipmex  มีโปรแกรมแนะนำการลงทุน  ZipUp+ โดยโฆษณาว่า สามารถให้ผลตอบแทนได้ถึง 6-12% ต่อปี ขึ้นอยู่กับชนิดของเหรียญที่นักลงทุนรายย่อย นำมาฝากล็อคไว้ในระบบ  ZipUp

สุดท้ายเมื่อวงแชร์ไปอยู่กับท้าวแชร์มือใหญ่ นำเงินทั้งหมดไปลงทุนใน  Babel Finance จำนวน $45 ล้านและ Celsius $5 ล้าน   ทั้งที่มีรายงานว่าการลงทุนของ Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่องมานานนม แต่ทาง Zipmex Thailand  ก็ไม่ได้ยุติการเผยแพร่โฆษณาผลิตภัณฑ์ ZipUp+  

แม้จะสร้างความเสียหายเฉพาะกับคนไทยร่วม 2,000 ล้านบาท แต่งานของหน่วยงานกำกับไทย ทำได้แค่ปรับข้อหาความผิดเล็กน้อยอื่นๆ เพียง 1,920,00 บาท  

ล่าสุด 21 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ก.ล.ต. เปรียบเทียบปรับ เอกลาภ ยิ้มวิไล ซีอีโอ Zipmex รวมเป็นเงิน 1.92 ล้านบาท เหตุระงับการให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล-ระงับการให้บริการฝากถอนทรัพย์สินของลูกค้าใน Trade wallet-Zwallet พร้อมสั่งปรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด อีกจำนวน 6.95 แสนบาท เหตุเปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเทียบปรับของ ก.ล.ต. ดูมุมไหนก็เทียบไม่ได้เลยกับมูลค่าความเสียหาย

และดูเหมือนว่าคำชี้แจงต่อศาลของ zipmex ในครั้งนี้แสดงให้เห็นบารมีหน่วยงานกำกับดูแลอินโด (BAPPEBTI) ที่สามารถกดดัน zipmex  จนกล้าแหกอกศาลแอบไล่ชดใช้ผู้เสียหายบางส่วนก่อนผู้เสียหายทั่วโลก บทสะท้อนชิ่งมายัง ก..ไทย ว่าเหตุใด… ส่อแลดูเชื่อง… ในสายตาเอกชนรายดังกล่าวเหลือเกิน  ใช้อำนาจได้เพียงแค่ขอความร่วมมือขอเอกสารสรุป และขอให้รายงานความคืบหน้าให้นักลงทุนทราบ และในบางครั้ง ..ถึงกับยอมรับว่าสิ่งที่ zipmex มอบเอกสารให้มาส่อไม่จริงใจ ไม่ได้ตามคำขอแต่ก็ไม่สามารถใช้อำนาจ .. กดดันเอกชนรายนี้เพื่อชดใช้เยียวยา นักลงทุนไทยได้แต่อย่างใด

ไม่แปลกที่นักลงทุนผู้เสียหายจากแคปเปญ zipup+ จะมองว่า ..ถนัดเรื่องจัดการเอกชนเด็กดี ขู่ได้ก็ฟันทิ้งได้ แต่กับพวกอาชญากรรมทางการเงินรายใหญ่ นักเลงตลาดทุน จะกล้าพอมั้ย ..? หากหัวหด อำนาจในมือก็เป็นหมัน

วีรกรรมล้วงกระเป๋านักลงทุนไทยรวมกระทั่งท่วงทำนองในการตอบข้อซักถามต่อหน้าศาล  ถ้าไม่นับขบวนการมีข่าวลือเสริมสภาพคล่อง ฆ่าเวลาโกงความตายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Zipmex ได้มีการจัดส่งข้อตกลงส่วนบุคคลให้เจ้าหนี้และลูกค้าทุกรายพิจารณาทางอีเมลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 และที่เปิดเผยบนเว็บไซต์ของบริษัทในวันเดียวกัน ขณะที่นักลงทุนมองว่าข้อตกลงส่วนบุคคลดังกล่าวขาดข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญต่อการตัดสินใจ และส่อว่าเป็นข้อตกลงเห็นแก่ประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตน มากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์การชำระหนี้คืนให้แก่ลูกค้าเปรียบเหมือนการมัดมือชกลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าหนี้หรือไม่

(1) ข้อตกลงว่าลูกค้าจะถูกยกเลิกออกจากโครงการ ZipUp+ โดยลูกค้าจะสามารถถอนสินทรัพย์ใน Z Wallet ได้ตามวันและเวลาที่ Zipmex Pte. Ltd. ประกาศเท่านั้น

(2) ข้อตกลงให้ถือว่าการปล่อยสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ใน Z Wallet อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ZipUp+ ถือเป็นการชำระหนี้อย่างเต็มจำนวนและถือเป็นอันสิ้นสุด สำหรับสิทธิหรือข้อเรียกร้องใด ๆ ทั้งหมด (ทั้งทางแพ่งและอาญา) ไม่ว่าที่ได้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วแต่กรณี อันเป็นผลมาจากการระงับการโอนสินทรัพย์ดังกล่าว

(3) ข้อตกลงว่า Zipmex กลุ่ม Zipmex และกรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่ว่าในประเทศสิงคโปร์หรือประเทศอื่นใด ไม่มีภาระผูกพัน หน้าที่ หรือความรับผิดชอบใด ๆ ต่อลูกค้าภายใต้กฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งภาระผูกพัน หน้าที่ หรือความรับผิดชอบภายใต้สัญญาใด ๆ และการกำหนดให้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดในความเสียหายที่ Zipmex กลุ่ม Zipmex และกรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานได้รับ อันเกี่ยวข้องกับโครงการ ZipUp+ หรือการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ใน Z Wallet หรือการปล่อยสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ใน Z Wallet หรือการระงับการโอนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

นอกจากนี้ ..ได้รับข้อมูลว่า Zipmex จะมีการจัดประชุมชี้แจงและตอบประเด็นข้อซักถามเกี่ยวกับข้อตกลงส่วนบุคคลและแผนการปรับโครงสร้าง  อาคาร Q House ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00-16.30 ต่อลูกค้าบางราย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติและปฏิบัติต่อลูกค้าทุกรายอย่างไม่เท่าเทียมกัน 

ดังนั้น เพื่อให้ลูกค้าของ Zipmex และกลุ่ม Zipmex ได้รับข้อมูลที่มีนัยสำคัญครบถ้วน Zipmex จึงควรเร่งจัดให้มีการสื่อสารให้กับลูกค้าทุกรายเพื่อรับทราบและสอบถามข้อมูลดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกันด้วย โดยในการสื่อสารเกี่ยวกับข้อตกลงส่วนบุคคล ควรจัดให้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาของลูกค้า เช่น ระยะเวลาในการคืนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจน การวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการยอมรับข้อตกลง และผลกระทบต่อสิทธิของลูกค้าในการยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลในประเทศสิงคโปร์ และการทำข้อตกลงส่วนบุคคลดังกล่าวมีข้อกำหนดหรือข้อจำกัดอย่างไร ภายใต้กระบวนพิจารณาของศาลดังกล่าว เป็นต้น

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในส่วนของข้อตกลงเกี่ยวกับการระงับการใช้สิทธิหรือข้อเรียกร้องใด ๆ ทั้งหมดทั้งทางแพ่งและอาญา เป็นการกระทบต่อการใช้สิทธิทางศาลอันเป็นสิทธิพื้นฐานโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าของ Zipmex หรือกลุ่ม Zipmex อันพึงใช้ได้ภายใต้เขตอำนาจศาลไทย รวมทั้งข้อตกลงเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ โดยศูนย์อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแห่งประเทศสิงคโปร์ ภายใต้กฎหมายของประเทศสิงคโปร์ ที่กำหนดให้สถานที่ในการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการคือประเทศสิงคโปร์

ซึ่งอาจส่งผลกระทบลูกค้าของ Zipmex หรือกลุ่ม Zipmex ที่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่อาจมีอำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ และความรู้ความเข้าใจ ที่ไม่เท่ากับ Zipmex หรือกลุ่ม Zipmex ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการของ Zipmex และกลุ่ม Zipmex มีความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ก.ล.ต. ขอให้ Zipmex นำข้อสังเกตข้างต้นไปดำเนินการโดยเร็วต่อไป

รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาฯ ก.ล.ต.

พฤติการณ์ มองไม่เห็นหัว ก.ล.ต. ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ เลขาฯ ก.ล.ต. ไม่ใช้ไม่แข็งมาตั้งแต่ต้น

Zipmex ได้มีหนังสือถึง ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ขอเข้าพบเพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับรายงานความคืบหน้าของแผนการปรับโครงสร้าง (Scheme of Arrangement) นั้น ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 ก.ล.ต. ได้แจ้งให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Zipmex เข้าพบในวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 9.00 น. แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแจ้งว่าไม่สะดวกเข้าพบในวันและเวลาดังกล่าว และขอส่งทีมฝ่ายกฎหมายมาแทน

อย่างไรก็ดี บุคคลที่มาที่สำนักงานวันที่ 20 ธันวาคม 2565 แจ้งว่าไม่ได้เป็นผู้แทนของ Zipmex ก.ล.ต. จึงไม่สามารถแจ้งประเด็นข้อสังเกตที่กล่าวข้างต้นต่อบุคคลดังกล่าวได้ ดังนั้น ในวันเดียวกันนี้ ก.ล.ต. จึงมีหนังสือถึง Zipmex เพื่อแจ้งประเด็นข้อสังเกตดังกล่าว  

รายงานข่าวยังแน่ชัดว่า ข้อตกลงส่วนบุคคลให้เจ้าหนี้และลูกค้าทุกรายพิจารณาทางอีเมลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ดังกล่าว zipmex จะใช้มุขเดิมกับเจ้าหนี้หรือไม่ โดยการบังคับให้กดยอมรับเงื่อนไขก่อนทำธุรกรรมหรือไม่

เหตุการณ์ยุ่งยากวุ่นวายเหล่านี้ จะไม่เกิดขึ้นกับวงการเหรียญดิจิทัลได้เลย หากในวันแรก ..เข้มงวดให้ถูกที่ รักลูกให้ถูกทาง เลิกอ้างปัดความรับผิดชอบ พฤติกรรมที่ส่อเป็นปลาเน่าในวงการเหรียญดิจิทัลคงตายนิ่งไปแล้วตั้งแต่ 2 ปีก่อน และความเสียหายนับ 2,000 ล้านบาท จะเป็น 0 ทันที ส่วนการสำนึกผิดในวันนี้ ก็ยังเดินหน้าลงเหว อ้างห่วงใยนักลงทุน กำหนดขั้นต่ำเทรดละ 5,000 บาท ซึ่งไม่ได้การันตีว่าจะช่วยนักลงทุนรอดจากภัยในวงการใดๆ แต่ที่แน่ๆ กลายเป็นผลไม้พิษ บอนไซกระดานเทรดเอกชน ที่ไม่มีพฤติกรรมทำผิดกฎกติกา  ที่ตั้งใจพัฒนาวงการคริปโตฯ ไทยให้อยู่ยากลง ทุกวันๆ นักลงทุนทั้งประเทศคงอยากกระตุ้นเตือน ..ว่า ขยันให้ถูกที่ ลงโทษให้ถูกทาง อย่าปล่อยมิจฉาชีพลอยนวล เกลื่อนตลาดคริปโตฯ ประเทศชาติจะพัง

> คลิ๊กดูบนยูทูป

#สืบจากข่าว : รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts