วันที่ 7 ก.พ.66 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างไทยและฮ่องกง โดยมี นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวันออก (EEC) และ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมเป็นสักขีพยาน และกล่าวแสดงความยินดี
ทั้งนี้ บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกับ 3 บริษัทผู้นำนวัตกรรมจากฮ่องกง ผุด 4 กิจการ พร้อมทุนกว่า 80,000 ล้านบาท พัฒนาความล้ำหน้าทางนวัตกรรม และเทคโนโลยีแห่งอนาคต กระตุ้นเศรษฐกิจยั่งยืน ขานรับนโยบาย EEC ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0
โดย บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดย Mr.Vidy Cheung และนางสาวอนา วงศ์สิงห์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท คิงดอม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย อาทิ Southpoint Pattaya, The Bay Shopping Mall และ AW Wellness ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย ในการร่วมมือ วิเคราะห์ วิจัย สู่เป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลในภาพรวม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศไทยและการส่งออกในห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียแบบยั่งยืน เช่น การสร้างงาน, การสร้างเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมนุษย์
โดยทาง บริษัท อี.ไอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีนโยบายพร้อมเล็งเห็นความสำคัญของพันธมิตรการลงทุนการค้าอย่างมีความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบรรลุความสำเร็จสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งเป็นที่มาของการจัดงานพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและฮ่องกง ถึง 3 บริษัท กับ 4 กิจการ ในครั้งนี้
ในการลงนามครั้งนี้จะเป็นการลงนามเพื่อเปิดกิจการร่วมค้า (JointVenture) ทั้งหมด 4 บริษัท ประกอบด้วย
1.บริษัท อะเวอร์เต้ กรีน เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (Averte Green Technology (Thailand) Company Limited) โดย Mr.Roy Fung ประธานกรรมการบริหาร โดยมีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน (Technology Sustainable and Renewable) ที่มีการตั้งเป้าสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับ โครงการพลังงานสีเขียว
2.บริษัท อะเวอร์เต้ อิเลกทริค วิเฮเคิล (ประเทศไทย) จำกัด (Averte Electric Vehicle (Thailand) Company Limited) โดย คุณแคเรนซ์ แชน (Mr. Clarence Chan) กรรมการบริหาร (Executive Director) มีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต และจัดจำหน่าย Electric Motorbike หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมาย ในการจำหน่าย Electric Motorbike จำนวน 2 ล้านคันภายในเวลา 3 ปี โดยเริ่มจากการนำเข้า และหลังจากนั้นจะเป็นการผลิตภายในประเทศในการนำเทคโนโลยีพัฒนาต่อยอดเพื่อการสร้างโรงงานผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าและส่งเสริมการสร้างงานด้านอาชีพ แห่งแรกในประเทศไทยในปี 2568
3.บริษัท เนเจอร์-อีไอพี ไบโอเทค กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (Nature-EIP Biotech Group (Thailand) Co.Ltd) โดย Mr.Matthew Tang ประธานกรรมการบริหาร มีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจด้านการเกษตรแต่ตั้งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตร ที่เรียกว่า Agri-enzyme (อากริ – เอนไซม์) (Distribution and Production on agricultural Agri-enzyme products) เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในประเทศไทยสู่วัตถุประสงค์ความสำเร็จผลผลิตและบริหาร การจำหน่ายร่วมกัน แบบยั่งยืน รวมถึงการวิจัยและผลิตผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นอาหารทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค (Plant Base) ที่คิดค้นและวิจัยด้วยนวัตกรรมใหม่ โดยมุ่งเน้นทางด้านคุณภาพทางด้านโภชนาการและการเกษตรที่ยั่งยืน และ
4.บริษัท พาวิลเลี่ยน-อีไอพี พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (Pavilion-EIP Property (Thailand) Company Limited) โดย Mr. Alan Nam ประธานบริษัท โดยมีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยมุ่งเน้นทางด้านความล้ำสมัย ความบันเทิง และ สุขภาพ (Develop Trendy/Leisure/Wellness Theme-Based Properties)
ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้กล่าวถึงความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ ว่า ถือเป็นการขานรับนโยบายจากภาครัฐในเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) ตามแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 เป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีในการกระตุ้นเศษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนในองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาผลผลิตและต่อยอดผลิตผลทางการเกษตรเพื่อการส่งออก การสร้างรายได้และอาชีพให้กับประชากรไทยและการต่อยอดพัฒนาความรู้ทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความมั่นใจต่อสายนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีต่อเมืองพัทยาอย่างเป็นรูปธรรมด้วย……