จากกรณีกลุ่มวันรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ปาระเบิดขวดแก้วใส่รถจักรยานยนต์ที่ขับสวนทางมา จนทำให้นายธนกรณ์ ปั้งเซ็น อายุ 22 ปี คนขับ และ น.ส.วรกานต์ เพ็ชรคุ้ย อายุ 22 ปี คนซ้อน ถูกไฟเผาไหม้ร่างกายจนได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอยโพธิสาร ตัดซอย 2 พัทยาเหนือ ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. ของคืนที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด บ่ายวันที่ 18 มี.ค. พ.ต.อ.ฐนพงษ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ประสานงานตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยจุดเกิดเหตุนั้นยังพบคราบน้ำมัน และคราบเลือดติดอยู่ที่พื้นถนน เบื้องต้น ตำรวจจึงได้ตรวจสอบเศษขวดแก้วที่แตกกระจายอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ และเสื้อผ้าของคนเจ็บที่ถูกไฟลุกไหม้ เพื่อหาวัตถุหรือสารเคมีแปลกปลอมว่าตัวระเบิดขวดทำจากอะไร และผสมอะไรบ้าง
ต่อมา พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จิตต์สุนทร สว.สส. ได้นำทีมชุดสืบสวน ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งสามารถจับภาพนาทีก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน โดยพบว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยรุ่น จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีทึบ มีชายวัยรุ่นสวมเสื้อส้ม เป็นคนขับ ส่วนคนซ้อนท้ายเป็นชายวัยรุ่น สวมเสื้อสีดำ กางเกงขายาว ใส่หมวกกันน็อคสีขาวปิดบังใบหน้า เลี้ยวเข้ามาจากสุขุมวิทพัทยาเหนือ แล้วทิ้งโค้งเลี้ยวเข้าซอยเกิดเหตุ จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ใช้ระเบิดขวดปาใส่คู่กรณี ที่กำลังขับรถสวนมา จนไฟลุกพรึ่บ และเสียหลักล้มไถลไปกับพื้นถนน
จากการไปพูดคุยกับ น.ส.พลอย อายุ 21 ปี พยานผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขี่รถจักรยายนต์ไปตลาดนาเกลือ ระหว่างทางได้เห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6-7 คน ขี่จักรยานยนต์มากันประมาณ 4 คัน ตั้งแต่พัทยาใต้ จนกระทั่งกลุ่มดังกล่าวจะมาแยกย้ายกันบริเวณแยกพัทยาเหนือ แต่คันของผู้ก่อเหตุได้เลี้ยวเข้าซอยเกิดเหตุ แล้วจากนั้นได้ปาระเบิดขวดใส่คนเจ็บที่ขับรถจยย.สวนมาจนได้รับบาดเจ็บ โดยหลังจากคนซ้อนท้ายปาระเบิดขวดใส่ ได้ถอดหมวกกันน็อคหันมามองผู้บาดเจ็บด้วยความสะใจ โดยพยายามไล่ติดตามกลุ่มคนร้ายแต่ไม่ทัน
ขณะที่ ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ยังพบว่ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยฝ่ายชายยังมีอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงเนื่องจากถูกไฟเผาเกือบทั้งตัว ส่วนฝ่ายผู้หญิง อยู่ในระหว่างการรักษาของทีมแพทย์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนแกะรอยกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ และเป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างมาก.
