“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ผู้มีอำนาจ” ใหญ่น้อยทุกคน ต้อง “คิดดี-ทำดี” ให้ชาติเจริญมั่นคง กับประชาชนมั่งคั่ง มีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น..!
หลายคราที่บทความหน้ากระดาษนี้ ได้อัญเชิญ “พระราชดำรัส” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9”! กับนำวรรคทอง “นักปราชญ์” กับ “ผู้นำชาติ” รวมทั้ง “นักคิด-นักเขียน” นานาชาติ เพื่อผู้อ่านนำไปไตร่ตรอง กับพิจารณาทำตาม อันจะเสริมส่งยกระดับคุณธรรมในสังคม
แต่เป้าหมายหลักคือ กระตุ้นต่อมสำนึกกลุ่ม “นักการเมือง-นายกรัฐมนตรี-คณะรัฐมนตรี” ให้จริงจัง-จริงใจ สร้าง “ผลงานดี” ทำงานเพื่อชาติกับประชาชน ละทิ้งผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
“พระราชดำรัส” อันทรงคุณค่า ของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ที่ปวงชนชาวไทยและชาวโลกยกย่อง โดยเฉพาะพสกนิกรชาวไทย ล้วนรักเคารพ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต..
ทว่า.. บรรดา “ผู้มีอำนาจ”ใหญ่น้อย ทั้ง “นายกฯ-ครม.-นักการเมือง” กับ “ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ”ฯลฯ ที่ชั่วช้าสามานย์ อันเป็น “คนส่วนน้อย” ในสังคมไทย หาได้ใส่ใจจะปฏิบัติตามแนวทางพระราชดำริแต่อย่างใด..
โดยเฉพาะ “ตู่-เหลี่ยม” อดีตฝ่ายบริหารสูงสุด “ปาก” มักพร่ำพูดว่า “จงรักภักดียิ่งชีวิต” ประกาศตนว่า “เดินตามรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9”! แต่กระทำตรงกันข้าม
มหาเศรษฐี “เหลี่ยม” โกหกว่า “ผมรวยแล้วจะไม่โกงชาติ” ประชาชนคนซื่อต่างหลงเชื่อ พากันลงคะแนนให้อย่างท่วมท้น ทำให้ “เหลี่ยม” ได้เป็นนายกฯสมดังใจหมาย..
ไม่นาน..จอมกะล่อน “เหลี่ยม” ก็เผยตัวตนที่แท้จริง “ตระบัดสัตย์” กระทำการโกงชาติชนิดมิรู้จักพอ แถมยังบังอาจหนุนการ “ล้มเจ้า” กระทำผิดกฎหมายครั้งแล้วครั้งเล่า จน “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ถูกประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่ และถูก “บิ๊กบัง-บิ๊กตู่” ทำรัฐประหาร ต้องหนีคดีความกับ “คุก” ไปอยู่ชาติอาหรับ ใช้ชีวิตหรูจากเงินโกงชาติจนทุกวันนี้..
ส่วน “นายกฯ ตู่” ผู้ได้อำนาจนำชาติจากการทำรัฐประหาร ประกาศลั่นจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” แต่ครองอำนาจต่อเนื่องร่วม 9 ปี โดย “ไม่มีการปฏิรูปชาติ” แม้แต่เรื่องเดียว!
นายกฯชายชาติทหาร “ตระบัดสัตย์” หน้าตาเฉย แม้จะมีอำนาจเผด็จการเต็มร้อย ด้วยมาตรา 44 นานถึงกว่า 5 ปี!
“เลือกตั้งครั้งแรก” มีแต่การมุ่งสืบทอดอำนาจ จนสำเร็จสมใจ “ตู่”ได้เป็น“นายกฯ”ครั้งที่สอง ครองอำนาจลุ่มๆดอนๆยืดเยื้อจนครบวาระ 4 ปี ด้วยฝีมือการบริหารชาติตามระบบรัฐราชการแบบเดิม
ผลงานแบบรัฐราชการของ “นายกฯ ตู่” ย่อมไม่เข้าตาไม่ประทับใจชาวไทย โดยเฉพาะเรื่องไม่ปราบคนโกงชาติ! ไม่ลดความเหลื่อมล้ำให้กับสังคม! ไม่ปฏิรูปชาติในเรื่องสำคัญๆ ฯลฯ
กระนั้นก็ตาม.. “ตู่” ก็ยังดึงดันจะเป็น “นายกฯ” ครั้งที่ 3 ให้ได้! ทั้งๆ ที่กฎหมายระบุให้ “ตู่” เป็น“นายกฯ”ได้แค่ 2 ปี!..
ดูเถิด! ฤทธิ์เดชของ “อำนาจ” ทำให้คนไม่ประมาณตน หลงผิดคลั่งไคล้ได้ถึงขนาดนี้!
“นายกฯ เหลี่ยม” ตระบัดสัตย์เรื่องโกงชาติ! “นายกฯ ตู่” ตระบัดสัตย์เรื่อง “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”!
“ผู้นำชาติทั้งคู่” ไม่ได้เดินตามรอยพระบาทของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ดัง “ปากพูด”
“ผู้นำชาติทั้งคู่” ไร้สัจจะ ไม่สนใจทำตาม “คำพูด” ของตัวเอง “ผู้นำ” เยี่ยงนี้ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับ “เด็ก-เยาวชน-ชาวไทย” ได้แม้แต่น้อย จึงไม่แปลกเลย ที่ประชาชนจะพากันหมดศรัทธา
โอกาสนี้ ผมขออัญเชิญ “พระราชดำรัส” องค์สำคัญๆ ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่สอดคล้องกับบทความนี้.. ดังนี้..
“คำพูดที่กล่าวออกไป หลังจากที่ได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างกว้างขวางและรอบคอบแล้ว ย่อมถือเป็นสัจวาจา ที่แสดงถึงความตั้งใจจริงที่บุคคลตั้งไว้แก่ตัวและผู้อื่น ผู้พูดจึงผูกพันบังคับตัวเองให้มั่นอยู่ในสัจวาจานั้น
สิ่งใดที่พูดว่าจะทำ หรือจะงดเว้น ต้องทำให้ได้โดยเคร่งครัดและครบถ้วน หาไม่จะกลายเป็นคนกลับกลอก ไม่มีความมั่นคงในคำพูดและการกระทำ ทำให้ไม่มีผู้ไว้วางใจ ไม่อาจทำให้งานให้ตนเองประสบผลสำเร็จได้ดีได้
ผู้หนักแน่นในสัจวาจา พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อมั่น และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย
การพูดแล้วทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540
ทั้ง “ตู่-เหลี่ยม” พูด “ส่งเดช” อีกทั้งไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น กับการพูดโกหกลวงหลอกประชาชน ไม่ต่างจาก “นักการเมือง” และ “ผู้มีอำนาจ” ใหญ่น้อย ที่ฉ้อฉลโกงชาติบ้านเมือง ซึ่งมิใช่สิ่งที่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงชี้นำประชาชนไทย ซึ่งพสกนิกรส่วนใหญ่ เดินตามรอยเท้าของ “พ่อหลวงของแผ่นดิน” อย่างจริงจังมาตลอด..
“การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจ และความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว..โดยไม่ทันรู้ตัว”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร แก่ว่าที่ร้อยตรี โรงเรียนนายร้อยตำรวจ วันที่ 10 มีนาคม 2529
อืม..จนถึงวันนี้ “ตู่-เหลี่ยม” กับพรรคพวก ยังไม่คิดจะทำดีให้ชาติกับประชาชน ต่างฝ่ายมัวแต่หมกมุ่นกับ “การต่อสู้แย่งชิงอำนาจรัฐ” ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า “ฝ่ายใด” ที่ชิงอำนาจรัฐได้ จะทำเพื่อชาติกับประชาชนเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมา “ผู้มีอำนาจ” ได้ใช้อำนาจทำเพื่อ “ตัวเอง”กับพรรคพวก กอบโกยอ “อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์” โกงชาติในโครงการใหญ่น้อย เข้ากระเป๋า “ตัวเอง” กับพรรคพวกเป็นหลักทั้งนั้น..
ในห้วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ชาติกับประชาชนต้องเสียหายอย่างมากมายมหาศาล จากการบริหารชาติของ “เหลี่ยม-ตู่”
“เมื่อมีโอกาสและมีงานทำควรเต็มใจทำ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 8 กรกฎาคม 2530
จริงเลย!..เมื่อได้ทำงาน ก็จงทำงานและทำงาน! “ผู้นำชาติ” ทั้ง “ตู่-เหลี่ยม” มีผลงานดังนี้..
“นายกฯเหลี่ยม” ผู้มี “ปีศาจร้ายสิง” มีผลงานละโมบโลภมากมิรู้จักพอ “สมอง” ไม่หยุดคิด “กาย” ไม่หยุดโกง จนได้รับฉายา “นายกฯโคตรโกง” ลามปามเสียหายถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลว่า เป็น “ตระกูลโกงจนชิน”
ส่วน “นายกฯ ตู่” ผู้ “ตระบัดสัตย์” ทำลายความหวังของประชาชน ที่เฝ้ารอการ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” ประชาชนไม่คาดคิดว่า ชายชาติทหาร “บิ๊กตู่” จะเก่งแต่ “พูดจ้อ” ชนิด “ลิงหลับ” หาได้ให้ความสำคัญ กับการแก้ไขปัญหาหลักของประเทศและประชาชนไม่!
ฝ่ายสนับสนุนตู่ ค้านเสียงขรมว่า “นายกฯ ตู่” มี “ผลงาน” ที่ดีมิใช่น้อย!
แต่เมื่อพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม.. ผลงานเหล่านั้น ล้วนเป็น “ผลงานทั่วไป” ไม่ใช่ “ผลงานโดดเด่น” ที่ “แก้ต้นเหตุปัญหา” ให้ชาติกับประชาชนแต่อย่างใด.. ใช่ไหม?
“คนไม่มีความสุจริต คนไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม ที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ ที่เป็นคุณประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 12 กรกฎาคม 2522
รัฐบาลของ “นายกฯ ตู่-เหลี่ยม” เกิดการโกงชาติมากมายเป็นข่าวฉาวทั่วไทย.. ใช่หรือไม่?
เมื่อพิจารณาพฤติกรรมและผลงาน ของ “ตู่-เหลี่ยม” จึงสรุปได้ว่า “ทั้งคู่” มิใช่ “ผู้นำชาติไทย” ที่เดินตามรอยพระบาท “ในหลวงรัชกาลที่ 9” แน่นอน..จริงไหมครับ?
