“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“เลือกตั้ง”ไม่สำคัญเท่า“หลังเลือกตั้ง”? ถึงเวลานั้น..“นักการเมือง”จะ“ทำดี”หรือ“ทำชั่ว”ให้ชาติ..?
การเมืองไทยใน“สนามเลือกตั้ง” มากมายด้วยเรื่องสกปรกโสมม ซึ่ง“ผู้สมัคร ส.ส.”ของ“ทุกพรรค” กับบรรดา“กลุ่มนายทุน”จะต้อง“บริจาคเงิน”เต็มที่ทั้งแบบลับๆ และเปิดเผย ลงทุนให้“พรรค”ที่แต่ละ“กลุ่มนายทุน”หนุนหลัง หวังจะได้“ส.ส.”มากที่สุด ฯลฯ
เฉกเช่นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหนึ่ง ได้มี“มหาเศรษฐีคนหนึ่ง” ผู้ร่ำรวยเงินทองกับทรัพย์ศฤคารมหาศาล อันได้มาจาก“ธุรกิจไม่ใสซื่อ” ผ่านการวิ่งเต้นผ่านเส้นสายทางการเมืองของ“พ่อ”กับเครือญาติ ที่เป็น“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” หรือเรียกกันสั้นๆว่า “ส.ส.”
จากนั้น..มหาเศรษฐี“เจ้าของพรรค” ได้สร้าง“ฝันให้เป็นจริง” จะเป็น“นายกฯชาติไทย” ด้วยการสร้างภาพพจน์ลับลวงพราง พราง“ร่างหมาป่า”ชั่วร้าย ด้วยการใช้“เสื้อคลุมนักบุญจอมปลอม” หลอกลวงจนประชาชนหลงเชื่อ พากันลงคะแนนเสียงท่วมท้น ให้“ผู้สมัคร”รับเลือกตั้งเป็น“ส.ส.”ของ“พรรคมหาเศรษฐี” จนมหาเศรษฐีได้“ส.ส.”มากเกินครึ่งสภาฯ!
แต่“น่าผิดหวัง”และ“น่าเสียดาย” แทนที่“นายกฯมหาเศรษฐี” ผู้ร่ำรวยเงินทองมหาศาลอยู่แล้ว จะใช้อำนาจรัฐสร้างผลงานดีๆ ให้ชาติกับประชาชนอย่างจริงจังเป็นหลัก “นายกฯมหาเศรษฐี”กลับเข้ามาทำธุรกิจทางการเมือง เพื่อ“ตัวเอง”กับพรรคพวกเป็นหลัก
ด้วยสมองอัน“ฉลาดแกมโกง” จึงแลเห็น“จุดอ่อน”ของการเลือกตั้งที่สกปรกโสมมที่“ซื้อเสียง”ได้..และ “โกงสารพัดวิธี”ได้อีกด้วย! นั่นเป็นช่องทาง“สู่สวรรค์” เพื่อ“ตีตั๋ว”ผ่านการเลือกตั้ง เข้าไปสู่“ขุมทรัพย์ใหญ่มหาศาล”ของชาติกับประชาชนไทย ที่บรรดา“นักการเมืองขี้โกง”ผู้ละโมภโลภมากทั้งหลาย จะเข้าไปแสวงหากับกอบโกย “ปล้นทรัพย์สิน”ของชาติกับประชาชน เข้ากระเป๋า“ตัวเอง”กับ“พรรคพวก”อย่างไม่รู้จักพอ..
“ขุมทรัพย์ใหญ่มหาศาล”ของชาติกับประชาชนไทย อันหอมหวนยั่วยวนกิเลส ได้เปลี่ยน“คนทำงานการเมือง” ที่เคยประกาศไว้อย่างชัดแจ้งว่า “ผมรวยแล้วจะไม่โกงชาติแน่นอน” บุคคลที่ประชาชนไว้วางใจ เทคะแนนเสียงให้“ทำผลงานดีๆ” ให้กลายเป็น“หัวหน้ากองโจร” ปฏิบัติการปล้นชาติกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนร่ำรวยเพิ่มขึ้น จากหลายหมื่นล้านบาท เป็นหลายแสนล้านบาท จากการเป็น“นายกฯมหาเศรษฐี”ของชาติไทย
แม้..รัฐบาล“มหาโจรการเมืองเหลี่ยม” ได้ทำดีให้ประชาชนเห็นอยู่บ้าง แต่ผลงานทำชั่วด้วยการปล้นชาติปล้นประชาชน ทั้งยังเหิมเกริมบังอาจหนุน“พวกล้มเจ้า” ซึ่งเป็น“สถาบันฯสำคัญ” ที่ได้เสี่ยงชีวิตสูญเสียเลือดเนื้อร่วมกับประชาชนไทย ต่อสู้ปกป้องรักษาแผ่นดินไทยครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในอดีตตราบปัจจุบัน
“สถาบันฯ สำคัญของชาติ” จึงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนยิ่งชีวิตของประชาชนไทยตลอดมา การกระทำอันเลวร้ายของรัฐบาลเลือกตั้งเครือข่าย“นายกฯเหลี่ยม” จึงทำให้“ชาว พธม.”และ“ชาว กปปส.” กับประชาชนผู้รักชาติ“รักสถาบันพระมหากษัตริย์” อดรนทนไม่ไหว จำต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวนานแรมปีครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อปกป้องสถาบัน“ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” ชนิดสู้ไม่ถอยหรือ“ตายเป็นตาย” จนรัฐบาล“เหลี่ยม”กับเครือข่ายที่โกงชาติกับล้มเจ้า อยู่ในสภาพซวนเซ จวนจะล้มมิล้มแหล่..
และแล้วก็เกิด“คณะนายทหาร” ถือโอกาสรัฐประหารยึดอำนาจ“รัฐบาลเลือกตั้งเผด็จการรัฐสภา” เครือข่ายของ“เหลี่ยม” ซึ่งโกงชาติกับล้มเจ้า
แต่เป็นการรัฐประหาร“เสียของ” เพราะ“เยี่ยวไม่สุด” ทั้งสองครั้ง โดยเฉพาะรัฐประหารครั้งหลังสุดของ“บิ๊กตู่”
“บิ๊กตู่” ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง“นายกฯตู่” พร้อมคำประกาศจะ“ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” แต่“บิ๊กตู่”ยึดอำนาจรัฐในฐานะ“เผด็จการทหาร”นานกว่า 5 ปี มี“มาตรา 44” สามารถใช้“แก้ต้นเหตุปัญหา”สำคัญๆให้ชาติกับประชาชนได้อย่างชนิดเด็ดขาด
แต่.. “บิ๊กตู่” ไม่ได้ทำดังคำพูดที่ประกาศแม้แต่น้อย! แถม“นายกฯตู่”ยังสืบทอดอำนาจ ผ่านการเลือกตั้ง.. รวมแล้ว“บิ๊กตู่”บริหารชาตินานเกือบ 9 ปี โดย“นายกฯตู่”ยังคงตระบัดสัตย์อย่างคงเส้นคงวา เพราะไม่ได้ปฏิรูปชาติ และไม่ได้“แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญ” ให้ชาติกับประชาชนแม้แต่น้อยเลย
นั่นทำให้การเลือกตั้งครั้งแรก ยุค“นายกฯตู่”ขอเป็น“นายกฯตู่อีกครั้ง” ด้วยผลงานหลักที่โหลยโท่ย มีแค่ผลงานตามระบบราชการเท่านั้น ทำให้พรรคหนุน“บิ๊กตู่”พ่ายพรรคหนุน“เหลี่ยม”ในระดับเขตอย่างไม่เป็นท่า
แต่“ตู่”โชคดี ได้เป็น“นายกฯตู่อีกครั้ง” ก็เพราะมีบรรดา“ส.ว.”ในสภาฯ ยกมือให้ ดัง“หุ่นยนต์”ที่ไร้จิตวิญญาณไงล่ะ..
การเลือกตั้งไทยที่ไร้การปฏิรูป จะยังคงสกปรกโสมมเดินย่ำซ้ำรอยเดิม ด้วย“พรรคใหญ่ๆ” จะลงทุนทุ่ม“เงิน”ซื้อเสียง กับใช้ความเชี่ยวชาญ“กลโกง”หลายหลากรูปแบบ ทั้งการผสานใช้“นโยบายประชานิยม” ทั้งที่ดีต่อส่วนรวมและชั่วช้าสามานย์ จากการใช้“เงินภาษี”ของประชาชน ผลาญงบประมาณแผ่นดิน ด้วยนโยบายเอาใจประชาชนอย่างไม่สมเหตุสมผล โดยไม่คำนึงถึงความสมดุลและความเหมาะสม
มีตัวอย่างให้เห็นชัดแจ้งแล้วว่า “นโยบายประชานิยมที่ไม่สมเหตุสมผล” ทำให้หลายชาติมีปัญหาด้าน“รายได้-รายจ่าย”ที่“ชักหน้าไม่ถึงหลัง” จน“ภาครัฐ”หลายชาติแทบจะล้มละลาย จาก“หนี้สินล้นพ้นตัว” ซึ่งหารายได้ไม่พอใช้จ่าย สร้างวิกฤตในหลายด้าน โดยเฉพาะวิกฤตทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง เกิดปัญหา“เงินขาด-เงินฝืด-เงินเฟ้อ” รวมทั้ง“เงินหาย”จากการโกงชาติ! ฯลฯ
“ผู้นำชาติ”และ“รัฐบาลใด” ขาดความชอบธรรมด้านการปกครอง ย่อมเกิดความอยุติธรรมกับประชาชนคนส่วนใหญ่ และใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนเพียงเพื่อหาเสียงกันอย่างไร้คุณภาพ หวังจะ“ชนะเลือกตั้ง”ครั้งหน้าเป็นหลัก ผลงานบริหารชาติมีเพียงแค่แสวงหากับกอบโกยผลประโยชน์ชาติ ไปเป็นของ“ตัวเอง”และ“พรรคพวก” มิได้ทำเพื่อชาติกับประชาชนเป็นหลัก สภาพความมั่นคงของ“รัฐบาลอธรรม” จึงง่อนแง่นจะล้มลงเมื่อใดก็ได้..จริงไหม?
ปี 2566 “กระต่ายตื่นตูม”กับการ“เลือกตั้ง”ครั้งใหม่ “น้องเล็กตู่”ไม่รัก“พี่ใหญ่ป้อม”ดังเดิมแล้ว! “นายกฯตู่”จึงขอ“บินเดี่ยว” ในนามพรรค“รวมไทยสร้างชาติ” ส่วน“รองนายกฯป้อม” ยังคงปักหลักอยู่ในค่าย“พลังประชารัฐ”ที่ป่ารอยต่อ
“พรรคตู่”จึงต้องปะฉะดะกับ“พรรคป้อม” ในสภาพของ“น้องพี่”ที่“เคย”รักกันมายาวนานหลายสิบปี จำต้องตัดขาดจากกันไปก่อน ส่วนจะ“ขาดชั่วคราว”หรือ“ขาดถาวร” ต้องรอผลหลังเลือกตั้ง(ว่ะ)..
ข่าวลือบางเรื่องมักมาก่อนเรื่องจริง.. ข่าวลือแรก “ป้อม-เหลี่ยม”แอบตกลง หลังเลือกตั้งจะจับมือกัน“ตั้งรัฐบาล”.. แล้วจะทำสำเร็จได้ดังฝันไหม?
ข่าวลือสอง “พรรคหนู” มีโอกาสที่จะได้“ส.ส.”เข้าไปนั่งในสภาฯ มากเป็นลำดับสอง..นะจ๊ะ? ดังนั้น“ป้อม-หนู”จึงมีโอกาสเป็น“นายกฯ”ทั้งคู่เลยนะจ๊ะ.. เพราะ“พรรคเหลี่ยม”ยังไม่ส่งใครเป็น“นายกฯ” ขอแค่ส่ง“พรรค”กับ“ลูกสาว” และพรรคพวก เป็น“รัฐมนตรี”เท่านั้น(ว่ะ)!
อ้าว!..เฮ้ย! ทำไมงานนี้“ผู้คน”มากมายถึงมองข้าม“นายกฯตู่” ที่ด้อยฝีมือกับอ่อนคุณธรรมในหลายเรื่องว่าจะไม่ได้เป็น“นายกฯตู่”ซ้ำซากอีกคราล่ะ?
เฮ้อ!.. ก็เพราะ“บิ๊กตู่”ดัน“ฝันเพ้อถึงโลกสวยเกินจริง” แถมเกินความสามารถจริงของ“บิ๊กตู่”น่ะสิ! ซึ่งวันนี้บารมี“บิ๊กตู่”ที่เคยสว่างจ้าจากพลังรัฐประหารและสืบทอดอำนาจ ได้“อ่อนระทวย”ลงแล้ว ในห้วงนี้จึงยังไม่อาจยุบสภาฯได้ เพราะพรรค“รวมใจสร้างตู่”ยังไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง(ว่ะ)!
อ้าว!..งั้นเรื่อง“ยุบสภา” รอก่อน!..รอก่อนนะโว้ย!..
เอ๊ะ!.. งั้นดูท่า.. เลือกตั้ง 2566 “พรรคเหลี่ยม” ได้ชนะที่หนึ่ง..แน่! “พรรคหนู” มาเป็นที่สอง..แน่! และ.. “พรรคตู่”แพ้“พรรคป้อม”.. แน่(ว่ะ)!
ส่วน “ใคร” จะได้เป็น “นายกฯ คนที่ 30” ของชาติไทย ระหว่าง “ลุงป้อม” ที่มีเสียง ส.ว.อยู่ในมือ กับ “น้องหนู” ที่มี “ทีเด็ด” หนุนหลัง เรื่องนี้ต้องดูสถานกาณ์ทางการเมือง ที่ “ไม่มีอะไรแน่นอน” ทั้ง “ก่อนเลือกตั้ง” กับ “หลังเลือกตั้ง” ครับโพ้ม!..