(ตอน) ปากกับใจ…ไม่ตรงกัน
ตื่นเช้าของวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566….เราก็รีบไปเข้าแถว ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ก่อนแสงแดดแรงขึ้น!
หันมองรอบตัว…คนในวัยปู่ย่าตายยายของลูกๆหลานๆ มารอเข้าแถว ค่อนข้างจะหนาแน่น…กว่าปี พ.ศ.2562
ผสมผสาน…กับวัยกลางๆ สลับกันเข้ายื่นบัตรประชาชน ให้เขาตรวจสอบสิทธิ์…ก่อนเข้าคูหากาบัตรนำไปหย่อนใส่ตู้แยกส่วน
เลือกกาบัตรผู้สมัครสอสอเขต…กับเบอร์พรรคการเมือง ก็ต้องรอบคอบพอสมควร
ไม่เช่นนั้น…จะกลายเป็นบัตรเสียไป
คงแก้ไขใดๆ ไม่ได้อีกแล้วนะ….ออกมารอลุ้นหน้าจอทีวี.กันต่อ
ก็พอจะคาดหมายแบบเราที่เห็นมา…มองเห็นอนาคตการเมืองไทย
ใครจะได้เสียงข้างมาก
ดูจากการตื่นตัวของคนทุกรุ่น…มากพอที่จะเดาได้ว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้ง ส.ส.เขต และส.ส.พรรค กระจายไปสู่คนหลายรุ่น มากน้อยอยู่ที่กำลังศัทธาที่ประชาชนมอบให้
ที่ค่อนข้างชัดเจน…พรรคการเมือง 2 พรรค, เพื่อไทย กับ ก้าวไกล ใครจะชิงเข้าชัย “เสียงข้างมาก”
ตามมาก็…ลุ้นกันต่อ, เสียงข้างมาก จะได้คะแนนสูงสุดในการเลือก “นายก” ในสภาฯ
ใครจะเทความคิดไปก่อน…นายกฯคนที่ 30 ต้องเป็นพรรคเสียงข้างมาก
ก็อาจจะไช่หรือไม่ใช่??!!
ยังจะต้องผ่านช่องทางอีก…หลายขั้นตอน
ถ้านักการเมือง…มีความคิดชัดเจนตรงกันทุกพรรค ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดกับประเทศไทย ต้องร่วมใจกันคิดเพื่อให้เกิดบริบทความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านั้น…ตรงกันเสียก่อน
เร่งแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำของคนในชาติ….คนจนจะปรับความจนได้โดยนโยบายแห่งรัฐ ก็แค่ฉากหนึ่งของชีวิต ที่จะต้องปรับตัวเอง มองความบกพร่องเหล่านั้นด้วย
คนรวย…รวยต่อไปเถอะ ถ้าพวกเขาได้มาโดยไม่เข้าไปร่วมโกงชาติโกงประชาชนกับพวกนักการเมือง เช่นที่ผ่านมาแต่ละยุคสมัยของการเลือกตั้ง
ที่พูดๆ กันก่อนการเลือกตั้ง ของหัวหน้าพรรคการเมือง…นโยบายที่หลุดออกมาจากปากพวกท่าน มันไม่เคยตรงกับใจ
หลังเลือกตั้งผ่านไป
รู้ไว้ด้วย…พวกท่าน “ปากกับใจไม่ตรงกัน” ตลอดมา