“เมืองไทย ใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน” ชาติไทยมีภูมิประเทศดีเยี่ยมหนึ่งในอาเซียน มากด้วยธรรมชาติงดงาม กับทรัพยากรมีค่ามากมาย ฯลฯ กำลังเป็นดินแดนสำคัญอีกแห่งหนึ่งในโลก ที่มหาอำนาจทั้ง“อินทรีมะกัน”กับ“ชาติยุโรป” ใช้ทุกพลังทุกรูปแบบ จะปิดล้อม“มังกรจีน”กับ“หมีขาวรัสเซีย”!
โอ..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! จึงมีความเสี่ยงที่ภูมิภาคนี้จะเกิดเรื่องบานปลาย ดังเช่นสงคราม “ยูเครน-รัสเซีย” จากกรณีตัวอย่าง “เกาะไต้หวัน”ของ“ชาติจีน” ถูก“มะกัน”กับพรรคพวกเข้ามาแทรกแซง อนาคตอาจบานปลายกลายเป็นสงครามก็ได้..จริงไหม?
ในอดีต.. “ผู้นำ” กับประชาชนไทย ได้ต่อสู้ประคองชาติไทยให้เป็นอิสระ รอดพ้นจากการ “สูญเสียเอกราช” มาได้! “ชาติไทย” ไม่เคยตกเป็น “เมืองขึ้น” ทุกรูปแบบของ“ชาติตะวันตกนักล่าอาณานิคม” ต่างจากหลายชาติในภูมิภาคอาเซียน แม้ในบางสถานการณ์ “ผู้นำชาติไทย” บางคน จะนำชาติไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของ“ชาติตะวันตก” โดยเฉพาะ“อินทรีมะกัน” ที่แผ่อำนาจขยายอิทธิพล ด้วยข้ออ้างเป็น “ตำรวจโลก” เป็น “หัวโจก” นำ“ชาติตะวันตกกลุ่มหนึ่ง” ออกล่า “อาณานิคม” ไปทั่วโลก ทั้งในรูปแบบ “เก่า” และ “ใหม่” นับแต่หลัง“สงครามโลกครั้งที่สอง” ดังเช่น “มะกัน” กับ “ชาติสมุน” ใช้ “สื่อตะวันตก” โหมโฆษณาชวนเชื่อในหลากมิติ ให้ร้ายป้ายสี “ผู้นำ” กับ “ชาติอิรัก” อย่างอธรรม โกหกว่า“ผู้นำอิรัก”บ้าอำนาจนิยมสงคราม แถมมี “อาวุธนิวเคลียร์”อยู่ในกำมือ ถือเป็นอันตรายร้ายแรงต่อ “สันติภาพโลก” แม้ “องค์การสหประชาชาติ” จะคัดค้าน มิให้“มะกัน”ใช้กองทัพเข้าไปก่อ“สงคราม” ต่อชาติกับประชาชนอิรักก็ตาม
ทว่า..“มะกัน” ดื้อดึง ไม่ฟังเสียงต่อต้านคัดค้านแม้แต่น้อย โดย“อินทรีมะกัน”ได้ใช้“กองทัพอันเกรียงไกร” บุกเข้าไปยึดชาติอิรัก ถล่มอาวุธร้ายแรงใส่เมืองต่างๆ จนพินาศยับเยิน ส่งผลให้“ชาวอิรัก”ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องบาดเจ็บล้มตายกว่าล้านคน! จากนั้น.. “ฆ่าผู้นำคนเก่า”ตั้ง“ผู้นำคนใหม่” ที่ใกล้ชิดกับ“มะกัน”กับชาติสมุน ก่อนจะ“ปล้นทรัพย์สินล้ำค่า”ของอิรัก โดยเฉพาะ“น้ำมัน” ออกขายในตลาดโลก โกยเงินทองมหาศาลตราบจนปัจจุบัน.. จากวันนั้นจรดวันนี้ “นักล่าอาณานิคม” ไม่เคยค้นพบอาวุธนิวเคลียร์ที่โกหกไว้แม้แต่ลูกเดียว!
ทว่า.. ทั้ง“มะกัน”กับ“กลุ่มชาติตะวันตก” ไม่เคยสำนึกผิด “ชาวโลก” ไม่เคยได้ยินถ้อยคำ “ขอโทษ” หรือ “เสียใจ”ต่อชาวอิรัก จากการใช้อำนาจป่าเถื่อนเข้าไป “ฆ่าผู้นำ” กับ “ชาวอิรัก” ตายนับล้านคนเลย..!
นับเป็นความชั่วช้าสามานย์ ของ “มนุษย์ชาติตะวันตก” ที่กระทำอย่างต่ำทรามต่อ “มนุษย์ชาติอิรัก” ชนิดที่ “มนุษย์” ผู้เจริญแล้ว ไม่พึงกระทำต่อ“มนุษย์”ด้วยกันเอง
“ใครหน้าไหน” ที่หลงเชื่องมงายว่า “มะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” เป็นชาติที่เจริญทั้งวัตถุกับจิตใจ มีความรู้สูง มากคุณธรรม แต่พฤติกรรมเที่ยวใช้ “อำนาจ” บังคับให้ชาติอื่นๆ ต้องมีมนุษยธรรม มีความเอื้ออาทรแต่ทำไม “ชาติพวกตัวเอง” จึงกระทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ “ฆ่ามนุษย์” ทั้งเด็กผู้ใหญ่ในอิรักอย่างหฤโหดไร้มนุษยธรรม “คนตายเป็นเบือ” ราวผักปลา “มนุษย์” อีกมากมายต้องบาดเจ็บพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่ เพื่อ“ชาติพวกตัวเอง”จะปล้นและกอบโกยทรัพย์สินล้ำค่า ของ “ชาติที่อ่อนแอกว่า” สร้างความร่ำรวยให้กับ“กลุ่มทุนใหญ่ยักษ์” ฯลฯ “ชาตินักล่าเมืองขึ้น” ใช้ “อาวุธ” หลากหลาย เป็น “เครื่องมือ” บีบบังคับให้เป็นไปตาม “เป้าหมาย” ที่ต้องการ นั่นคือ หนึ่ง-ใช้การเมืองประชาธิปไตยเลือกตั้ง! สอง-ใช้เศรษฐกิจระบบการค้าเสรี! สาม-ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทุกเรื่อง! สี่-ใช้การคุ้มครองเรื่องสิทธิมนุษยชน! โอ๊ย!..กับอีกหลายกลเม็ดตามแต่สถานการณ์ ถ้า “ชาติใด” ไม่ทำตามความต้องการ “มะกัน”กับ“กลุ่มสมุน”ก็จะทำทุกรูปแบบลงโทษทันที ฯลฯ อ้อ! .. ทั้งนี้ เรื่องสามานย์ดังกล่าวจะสำเร็จได้ “มะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” ต้องใช้“ไส้ศึก” นั่นก็คือ“กลุ่มคนในชาติ”นั้นๆ ทำหน้าที่“เกลือเป็นหนอน” ทำงานให้ทั้งลับและเปิดเผย..จริงไหม?
ชาติไทย ณ ห้วงนี้ “มะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” กับบาง “พรรคการเมือง-อาจารย์-นักเคลื่อนไหว” ฯลฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวในหลากเรื่องอย่างต่อเนื่อง มุ่งโจมตี “สถาบันสำคัญของชาติ” ทุกรูปแบบ รวมทั้งมุ่งโค่นล้ม“นายกฯ-รัฐบาล”ที่มิใช่ฝ่ายของ“พวกตน” ซึ่งบริหารชาติอย่าง “ไม่ชาญฉลาดเท่าที่ควร” โดยชูประเด็น “ลวง” ในหลายมิติว่าจะ “ปฏิรูป” มิใช่ “ปฏิวัติ”! จะ“แก้ไข”มิใช่ “ยกเลิก”! มุ่งขจัดสิ่งกีดขวางการขยายตัวของ “กลุ่มคนไทย” หลง “มะกัน-ตะวันตก” ที่ต้องการจะ “เปลี่ยน-โค่นล้ม” หลากเรื่องในชาติไทย โดยเฉพาะ “แก้”หรือ “ล้ม” กฎหมาย “มาตรา 112” ที่มีไว้เพื่อปกป้อง “สถาบันสำคัญของชาติ”
ด้วยการบริหารชาติ “ไร้คุณภาพดังควร” นานร่วม 9 ปีของ “นายกฯบิ๊กตู่” ได้นำชาติไทยมาอยู่ในห้วงอันตรายยิ่งอีกครั้ง ส่วนชาติและประชาชนจะฝ่าฟันให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายไปได้ ชนิดเสียหายน้อยที่สุด หรือจะสามารถเปลี่ยนจาก“ร้ายกลายเป็นดี” ส่วนจะ “ดีน้อย-ดีมาก” นั้น ขึ้นกับ“ผู้นำชาติ-รัฐบาล” จะฉลาดมีวิสัยทัศน์ในการบริหารชาติแค่ไหนครับ
น่าเป็นห่วงชาติกับคนไทย กับสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ จนต้องขอยกคำคมของ “ท่าน ว.วชิรเมธี” ที่ผู้คนเลื่อมใสมาให้ไตร่ตรองกัน
โดยเริ่มจาก.. คนเรานั้น นอกจากจะแสวงหา“มูลค่า” คือเงินทองแล้ว เราทุกคนควรจะแสวงหา “คุณค่า”ของชีวิตด้วย อะไรล่ะคือคุณค่าของชีวิต คำตอบก็คือ “การน้อมตนลงรับใช้เพื่อนมนุษย์”คุณค่าของคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เกิดมาแล้ว มีอายุสั้น หรืออายุยืน แต่สำคัญอยู่ที่ว่า ระหว่างที่เขายังมีอายุอยู่ในโลกนั้น เขาใช้ชีวิตอย่างไรต่างหาก ชีวิตของผู้มีธรรม ปีเดียวก็คุ้มค่า แต่ชีวิตของผู้ไร้ธรรม ร้อยปีก็ไร้ค่า
อืม..ใช่เลย!..และอีกหลายคำคมของ“ท่าน ว.วชิรเมธี” ล้วนเป็นสิ่งที่จะละเลยไปมิได้เด็ดขาด นั่นคือเรามีเวลาจำกัด ไม่มีใครมีวันนี้เป็นครั้งที่สองในชีวิต ใบไม้ทุกใบหลุดจากขั้วได้เพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้น ครูจึงขอให้เธอทิ้งนับพันสิ่ง เพื่อเลือกทำเพียงสิ่งเดียว ซึ่งมีค่าพอที่เธอจะเดิมพันมันด้วยชีวิตทั้งหมด เฮ้อ!..“บิ๊กตู่” โชคดีได้เป็น “นายกฯ” ถึงสองครั้ง แต่ไม่เห็นคุณค่าของโอกาสทองนั้น . “บิ๊กตู่” ไม่ “ทำตามคำพูด” และ “ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” กับ “ไม่แก้ไขต้นเหตุปัญหา” เลวร้ายให้ชาติ โอกาสเป็น “นายกฯ” ครั้งที่สามของ “บิ๊กตู่” จึงได้มลายหายไปต่อหน้าต่อตา โอกาสจะได้เป็น“วีรบุรุษชาติ” ไม่มีแล้ว เหลือไว้เพียง “โมฆะบุรุษตู่” ให้โจษขานกันเท่านั้น!
ชีวิตไม่สำคัญว่าสั้นหรือยาว สำคัญว่ามี “เรื่องราว” ที่ควรแก่การจดจำรำลึกถึงมากน้อยเพียงใด ชีวิตที่ไม่เสี่ยงกับอะไรเลย แม้แต่เสี่ยงในการทำคุณงามความดี ไม่ควรนับว่าเป็นการมีชีวิต คนที่เกิดมาเพื่อนั่งอยู่เฉยๆ ในเขตอภัยทานอันปลอดภัย (Comfort Zone) เพียงเพราะกลัวว่า ลงมือทำอะไรแล้วจะล้มเหลว นั่นคือชีวิตที่ล้มเหลวที่สุด มีวาสนาได้ขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งที ควรสร้างประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า ให้คนรุ่นหลังเล่าขาน อย่าขึ้นมาเป็นผู้นำ เพียงเพื่อเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูล อย่าเป็นผู้นำเพียงเพื่อเพิ่มสถิติในหอเกียรติยศของทำเนียบรัฐบาล แต่จงเป็นผู้นำที่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหมุดไมล์ในประวัติศาสตร์ ผู้นำที่ไม่ฟังคำเตือนของผู้ปรารถนาดี ที่เตือนด้วยความสัตย์ ในที่สุดจะวิบัติ เพราะบริวารสอพลอ มีแต่ลูกยอและการเพ็ดทูล เพื่อให้นายฟังแต่คำรื่นหู
“นายกฯบิ๊กตู่” มิได้ทำเรื่อง “ปฏิรูปชาติ”! มิได้“ปราบคนโกงชาติ”จริงจัง! มิได้“ลดความเหลื่อมล้ำ”ในสังคม ฯลฯ ผลงานที่คนไทยต้องการ..ทำไมไม่มีเลยวะ“ลุงตู่”?
สุดท้าย..ขอจบด้วยคำคมของ “ท่าน ว.วชิรเมธี” ที่หยิบยกเรื่องเรียบง่ายชัดเจนมานำเสนอว่า ปรัชญาจีนกล่าวว่า “เรือลอยเพราะน้ำ แต่ก็น้ำนั่นเองที่จมเรือ” ผู้นำมาจากประชาชน แต่ก็ประชาชนนั่นเองที่ถอดถอนผู้นำ นี่เป็นภาวะผู้นำที่ผู้นำตัวจริงทุกคนพึงเขียนติดหัวเตียงไว้เสมอ
เฮ้อ! “นายกฯตู่” เคยได้อำนาจเต็มร้อย แต่ใช้อำนาจไม่เป็น ผลงานไม่คุ้มค่าต่อชาติและประชาชน ยามนี้ใกล้จากไปแล้ว ขอให้“ลุงตู่”ดูแลสุขภาพดีๆนะคร้าบ…
