‘อลงกรณ์ พลบุตร’ ย้ำคนดีต้องมีที่ยืน เสนอรัฐบาลพิจารณาเชิญ ‘พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์’ กลับประเทศไทยอย่างสมเกียรติ พร้อมรับรองความปลอดภัย ชื่นชม ‘รังสิมันต์ โรม’ และ ‘ฐปนีย์ เอียดศรีไชย’ ตีแผ่ค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.เพชรบุรีหลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เรื่องคนดีต้องมีที่ยืน โดยเสนอแนะให้รัฐบาลเชิญ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 หัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ที่ลี้ภัยไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย ให้กลับมาประเทศไทยอย่างสมเกียรติและรับรองความปลอดภัยในฐานะข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่
นายอลงกรณ์ ระบุว่า เป็นความเห็นในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการเมือง
คนดีต้องมีที่ยืน รัฐบาลควรเชิญ “พล.ต.ต.ปวีณ” กลับประเทศอย่างสมเกียรติ
ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงมีความรู้สึกเศร้าใจและเจ็บใจเมื่อได้ฟังการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรของ ส.ส.รังสิมันต์ โรม กรณีค้ามนุษย์โรฮิงญาจน พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าทีมสืบสวนต้องไปขอลี้ภัยที่ประเทศออสเตรเลีย
เจ็บใจที่คนทำดีถูกกลั่นแกล้งต้องหนีหัวซุกหัวซุน
เศร้าใจกับการค้ามนุษย์และการกระทำอย่างอำมหิต ไร้มนุษยธรรมกับชาวโรฮิงญาที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในแผ่นดินของเรา
ฝากถึงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบนำตัวผู้กระทำผิดทุกคนมาลงโทษให้สาสมกับความผิดโดยเร็วที่สุด อย่าลูบหน้าปะจมูก ไม่ว่าจะเป็นใครหรือใหญ่แค่ไหน
ฝากถึงรัฐบาลพิจารณาเชิญ “พล.ต.ต.ปวีณ” กลับประเทศไทยอย่างสมเกียรติและรับรองความปลอดภัยซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและเป็นกำลังใจให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่
ถ้า พล.ต.ต.ปวีณ จะมาอยู่เมืองเพชร พวกเราชาวเพชรบุรียินดีต้อนรับ มีที่อยู่มีงานมีเพื่อน คนเพชรบุรีพร้อมปกป้องและสนับสนุนคนดีเช่นท่าน มาอยู่ด้วยกันสู้เพื่อความถูกต้องด้วยกันเพื่อประเทศของเรา
ขอขอบคุณและชื่นชม ส.ส.รังสิมันต์ โรม ที่นำเรื่องนี้มาอภิปรายในสภาฯ
ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารและต่อสู้ให้กับความอยุติธรรมโดยเฉพาะขอชื่นชม น.ส.ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้ง The Reporters และผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มิติที่ตีแผ่ความจริงในเรื่องนี้
คนดีต้องมีที่ยืนครับ
อลงกรณ์ พลบุตร
21 ก.พ.2565
หมายเหตุ: เขียนเรื่องนี้ในนามส่วนตัวที่คงรู้สึกเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือพรรคการเมือง
