จากท่าทีของ พล.อ.หลี่ฉางฟู่ (Li Shangfu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน ที่กล่าวระหว่างประชุมความมั่นคง Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ ระบุว่า “โลกใหญ่พอสำหรับจีนและสหรัฐฯ ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน” นับเป็นคำกล่าวที่ทำให้อุณหภูมิความตึงเครียดของสองประเทศผ่อนคลาย สำทับด้วยคำพูดตอกย้ำว่า “ทั้ง 2 ฝ่ายควรเสาะหาเหตุผลและผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีและยกระดับความร่วมมือแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มันปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งรุนแรงหรือการเผชิญหน้าใดๆ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจทนได้สำหรับโลกใบนี้”
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์หน้า โดยมีกำหนดเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 18 มิ.ย.
ก่อนหน้านี้ นายบลิงเกนได้ตัดสินใจเลื่อนการเดินทางเยือนจีนในเดือนก.พ. หลังเกิดเหตุการณ์บอลลูนสอดแนมของจีนละเมิดน่านฟ้าสหรัฐ การเดินทางดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในการประชุมสุดยอด G20 ที่อินโดนีเซียในเดือนพ.ย.2565 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี และผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสอง
ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียก็ต้องประเมินจุดยืนของตัวเอง ดังที่ นายซิง ไห่หมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำเกาหลีใต้เตือนเกาหลีใต้ว่า การที่เกาหลีใต้ใช้นโยบายสนับสนุนสหรัฐนั้นอาจนำมาซึ่งผลเสียต่าง ๆ ขณะที่เน้นย้ำว่าเกาหลีใต้จะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หากส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรกับจีน
นายซิง กล่าวในวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) ในการพบปะกับนายลี แจ-มยอง ผู้นำฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ว่า เขาต้องการให้เกาหลีใต้ดำเนินการตัดสินใจที่เป็นอิสระโดยไม่ปล่อยให้ปัจจัยภายนอกต่าง ๆ มามีอิทธิพลในการติดต่อกับจีน
ขณะที่ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้พยายามที่จะจัดการอย่างระมัดระวังสำหรับสถานการณ์ระหว่างสหรัฐ และจีน เนื่องจากสหรัฐเป็นพันธมิตรหลักด้านความมั่นคง และจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด เมื่อปลายปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้พบปะกับปธน.ยุน และเรียกร้องให้ส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง และทำงานร่วมกันเพื่อรักษาระบบการค้าเสรีโลกซึ่งจะรับประกันความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน และนั่นคือทางออกที่ดีที่สุดของโลกใบนี้