กองทัพไต้หวันเผยแพร่คู่มือป้องกันพลเรือน (civil defence handbook) ฉบับปรับปรุงใหม่วันนี้ (13 มิ.ย.) โดยเป็นครั้งแรกที่มีการสอนให้ประชาชนรู้จักสังเกตความแตกต่างระหว่างทหารจีนและไต้หวัน โดยดูจากเครื่องแบบ ชุดพราง และเครื่องหมายต่างๆ
ปีที่แล้ว ทางการไต้หวันได้เปิดตัวคู่มือป้องกันพลเรือนท่ามกลางความสัมพันธ์กับจีนที่ทวีความตึงเครียด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ค้นหาสถานที่หลบระเบิดที่ใกล้ที่สุด รวมถึงแหล่งน้ำดื่มและอาหาร นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำในการเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย
กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า พวกเขาได้รับฟีดแบ็กจากประชาชนจำนวนมากซึ่งเสนอให้มีการปรับปรุงคู่มือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริงในสงคราม โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ของชาวยูเครน
หนึ่งในชุดข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ วิธีสังเกตความแตกต่างระหว่างทหารไต้หวันกับ “กองกำลังศัตรู” ที่สวมเครื่องแบบทหารจีน
ทหารไต้หวันในคู่มือยังแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม ในขณะที่ทหารจีนนั้นหน้าตาบึ้งตึง
“เอาจริงๆ มันค่อนข้างยากทีเดียวที่จะแยกแยะทหารทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน” เสิ่น เวยจื้อ (Shen Wei-chih 沈威志) ผู้อำนวยการสำนักงานระดมสรรพกำลังทางทหาร (All-Out Defence Mobilisation Agency) ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อที่กระทรวงกลาโหม
คู่มือฉบับนี้อนุมานในเบื้องต้นว่า ทหารจีนจะสวมเครื่องแบบของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ในความเป็นจริงทหารจีนอาจจะอำพรางตัวตนด้วยเครื่องแบบและสัญลักษณ์ที่ต่างออกไประหว่างที่พยายามแทรกซึมเข้าสู่ไต้หวัน
คู่มือฉบับนี้ยังแนะวิธีสังเกตการแต่งกายของตำรวจและหน่วยกู้ภัยไต้หวัน โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดมาศึกษาได้ และทางกระทรวงยังมีแผนจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษด้วย
อันที่จริงไต้หวันมีแผนจัดทำคู่มือป้องกันพลเรือนตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนเสียอีก ทว่าสงครามที่เกิดขึ้นก็มีส่วนกระตุ้นให้รัฐบาลไทเปต้องยกระดับเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาเกณฑ์ทหารภาคบังคับจาก 4 เดือนเป็น 1 ปี
นอกจากนี้ยังมีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงของสหรัฐฯ รายหนึ่งระบุว่า กระบวนการวางแผนดำเนินการมาเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนแล้ว และบอกว่า “ความตึงเครียดระดับสูงสุดคือแรงขับเคลื่อนนำไปสู่การเตรียมการดังกล่าว”
แหล่งข่าวอีกคนบอกว่าปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน บีบให้สหรัฐฯ ต้องพิจารณาตระเตรียมความพร้อมในไต้หวัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจุดวาบไฟแห่งการเผชิญหน้าใดๆ ระหว่างอเมริกากับจีน
สหรัฐฯ ดำเนินการอพยพบรรดาเจ้าหน้าที่สถานทูตเกือบทั้งหมดออกจากกรุงเคียฟ ราว 2 สัปดาห์ ก่อนทหารรัสเซียยกพลบุกยูเครน หลังจากเตือนพลเมืองอเมริกาล่วงหน้าหลายเดือนให้ใช้หนทางในเชิงพาณิชย์เดินทางออกจากประเทศแห่งนี้
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้ออกคำเตือนห้ามพลเมืองอเมริกาเดินทางเยือนไต้หวัน และปัจจุบันกำหนดให้เกาะแห่งนี้อยู่ในระดับต่ำสุด ในคำเตือนด้านการเดินทาง 4 ขั้นของพวกเขา อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว ระบุว่า การร่างแผนอพยพเป็นการดำเนินการอย่างลับๆ “สืบเนื่องจากมันเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวสำหรับรัฐบาลไต้หวัน”
ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่แสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าว แต่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอกว่าการปิดเป็นความลับถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจาก “แม้กระทั่งแค่พูดถึงแผนอพยพ ผู้คนก็จะเริ่มคิดว่าบางทีมันอาจไม่ใช่แค่การวางแผนเพื่อระมัดระวังไว้ก่อน”
จนถึงปี 2019 มีพลเมืองเอเมริกาพักอาศัยอยู่ในไต้หวันมากกว่า 80,000 คน ปัจจัยทางภูมิศาสตร์จะทำให้การอพยพพลเมืองเหล่านี้เป็นไปอย่างยากลำบาก แหล่งข่าวระบุ และอธิบายว่าสถานที่มากมายบนเกาะเชื่อมโยงกันโดยเส้นทางเดียวผ่านอุโมงค์ต่างๆ และบรรดาเรืออพยพจำเป็นต้องหลบหลีกผ่านกองเรือของกองทัพเรือในการมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน
รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้ท่าทีที่เป็นปรปักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ กับจีนนับตั้งแต่ปี 2021 ตราหน้าปักกิ่งซ้ำๆ ว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของอเมริกา พร้อมกับยกระดับความเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ลงนามในข้อตกลงใหม่ทางทหารและเศรษฐกิจกับบรรดาพันธมิตรทั้งหลายในเอเชีย รวมถึงยังคงเดินหน้าส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบไต้หวันแทบเดือนละครั้ง นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง ในส่วนของจีน มองสิ่งที่อเมริกาอ้างว่า “เสรีภาพแห่งการเดินเรือ” เป็นการยั่วยุ และตอบโต้ด้วยการจัดซ้อมรบทางทหารของตนเอง
ไบเดน ยังคงพูดตามวาระโอกาสต่างๆ มาแล้ว 4 ครั้ง ว่าเขาจะตอบโต้ด้วยกำลังทหาร หากปักกิ่งพยายามใช้กำลังบีบบังคับให้ไต้หวันรวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ ปักกิ่งประณามอย่างดุเดือดต่อถ้อยแถลงเหล่านี้ว่าเป็นการละเมิดนโยบายที่สหรัฐฯ ยึดถือมานาน ที่ว่าพวกเขายอมรับ แต่ไม่รับรอง อำนาจอธิปไตยของจีนเหนือเกาะไต้หวัน