สถาบันคลังความคิด “สภาความสัมพันธ์ต่างประเทศแห่งยุโรป” (ECFR) เผยผลสำรวจเมื่อวันพุธ (7 มิ.ย.) ว่า ร้อยละ 62 ของพลเมืองในยุโรป 11 ชาติ ต้องการเป็นกลาง มีเพียงร้อยละ 23 จะอยู่ข้างสหรัฐฯ หากไต้หวันเป็นชนวนเหตุให้สหรัฐฯ เปิดฉากทำสงครามกับจีน ชาวยุโรปส่วนใหญ่ต้องการให้ชาติของตนวางตัวเป็นกลาง
ผลสำรวจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาของ ECFR ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ชาวยุโรปจำนวนมาก (ร้อยละ 43 ) ยังคงมองจีนเป็นชาติหุ้นส่วนที่ยุโรปจำเป็นต้องประสานความร่วมมือด้วย จากการสอบถามความเห็นของประชาชนจำนวน 16,168 คนในฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย สวีเดน เดนมาร์ก โปแลนด์ สเปน และออสเตรีย ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พลเมืองยุโรปอยากให้รักษาความเป็นกลางไว้ในท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ถึงแม้จะตระหนักดีถึงอันตรายบางอย่างจากการเข้ามาของจีนในด้านเศรษฐกิจ แต่พลเมืองยุโรปก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในทางธุรกิจกับจีน
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ระบุว่า พลเมืองยุโรปเลือกอยู่ฝ่ายประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับจีน มากกว่าฝ่ายของนางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (อียู) ค่อยๆ ถอยห่างจากจีน โดยผู้กำหนดนโยบายของอียูจะมีการเสนอนโยบายต่างๆ ในการลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับจีนเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ โดยอียูเตรียมผลักดันให้มีการคัดกรองบริษัทยุโรปที่จะเข้าไปลงทุนแดนมังกร พร้อมกันนี้ ยังเตรียมประกาศคว่ำบาตรบริษัทของจีนเป็นครั้งแรกอีกด้วย โทษฐานขายสินค้าไฮเทคซึ่งยุโรปประกาศห้ามให้กับรัสเซียเพื่อใช้ด้านการทหาร อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่ภาคธุรกิจและสมาชิกบางชาติ ซึ่งต้องการทำการค้ากับจีนอย่างอิสระต่อไป