รวบ “อาฟู่” มือขวาบอสใหญ่ชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาะกง

รวบ “อาฟู่” และเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์เกาะกง สร้างโปรโฟล์ดีในโซเชียล หลอกผู้เสียหายให้ตายใจลงทุน สูญเงินหลายล้านบาท

จากกรณีขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยไปทำงานในอาณาจักรทุนจีน ที่ลองเบย์ ดาราสาคร ในเกาะกง ของกัมพูชา ปรากฎว่า ข้อมูลถูกนำไปสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญได้

วันนี้ (14 มิ.ย.2566) เจ้าหน้าที่เข้าขับกุม นายสุรชัย แซ่จาง หรือ อาฟู่ ชาว ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงินฯ ถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าศูนย์ PCT ชุดที่ 5  เปิดเผยว่า อาฟู่เป็นบุคคลที่ไทยต้องการตัว เนื่องจากเป็นมือขวาของบอสใหญ่ชาวจีนในขบวนการทำหน้าที่สอนเทคนิคการหลอกคอลเซ็นเตอร์ แถว 1 – แถว 3 ให้โทรมาหลอกคนไทย

นายสุรชัยฯ ให้การภาคเสธว่า อ้างว่าเขาก็ไปสมัครเป็นล่ามไทย-จีน ในปี 2564 แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกพาไปทำงานที่เกาะกง แทน ให้คอยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนจากหัวหน้าชาวจีน ที่เรียกกันว่า “หยู่เกอ” ให้กับคนไทยที่นั่น เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายมาลงทุนผ่านเงินสกุลดิจิทัล ที่สร้างระบบขึ้นมาเองจนกระทั่งหนีกลับมาไทย

การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลของผู้เสียหายคนหนึ่ง ที่หลบหนีออกมาได้ เจ้าหน้าที่พบว่าขบวนการนี้จะสร้างโปรไฟล์ หนุ่มหล่อ สาวสวย หน้าตาดี สุ่มทักทายผู้ใช้บัญชีโซเชียลมีเดีย เมื่อเป้าหมายรับเป็นเพื่อนและติดตามกลับจะมีข้อความที่ตั้งไว้ตอบกลับอัตโนมัติสร้างความสนิทสนมในทุกวัน จนสามารถสอบถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อนำไปวิเคราะห์ และหลอกให้ร่วมลงทุนในเงินสกุลคริปโตฯ โดยให้โอนเงินดอลลาร์ สร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง และให้เปลี่ยนเป็นการโอนเงิน USDT ในแพลตฟอร์ม ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” ที่สร้างขึ้นมาเอง เพื่อให้เหยื่อเข้าไปดูกราฟปลอมโชว์เงินกำไร หลอกให้ลงทุนเพิ่ม

หากเหยื่อจะถอนเงินที่ได้จากผลกำไร ทางแก็งมิจฉาชีพนี้จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อจ่ายเป็นค่าภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนดก็ไม่สามารถจะถอนเงินดังกล่าวได้ จึงเป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก