วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ครอบครัว ซาฮ์รูค แก๊งฆ่าหั่นศพนักธุรกิจเยอรมัน มั่นใจลูกชายไม่ได้เป็นตัวบ่งการฆ่า เผยถูกโอลาฟ ข่มขู่เลยกลัวหากไม่ทำตามตำสั่งจะอุ้มเมีย-น้องสาวไปฝั่งเขมร

Related Posts

ครอบครัว ซาฮ์รูค แก๊งฆ่าหั่นศพนักธุรกิจเยอรมัน มั่นใจลูกชายไม่ได้เป็นตัวบ่งการฆ่า เผยถูกโอลาฟ ข่มขู่เลยกลัวหากไม่ทำตามตำสั่งจะอุ้มเมีย-น้องสาวไปฝั่งเขมร

เมื่อเวลา 23.55 น. วันที่ 12 ก.ค. มีรายงานว่า ชุดทำงานของ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 และ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี ได้ควบคุมตัว นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน อายุ 27 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับโดยกล่าวหา ร่วมกันฆ่า และอำพรางซ่อนเร้นศพ นายฮันส์ ปีเตอร์ นักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่เย็นอย่างโหดเหี้ยม หลังถูกชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ประสานงานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ให้เบาะแสแหล่งกบดานที่ซุกซ่อนตัว ก่อนตำรวจจะเดินทางไปติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ขณะกำลังเตรียมตัวหลบหนีข้ามชายแดน จ.กาญจนบุรี

เมื่อตำรวจควบคุมตัว นายซาฮ์รูค เดินทางมาถึง สภ.หนองปรือ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุแล้ว พบว่ามี พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน รอรับตัวจากชุดจับกุมเพื่อสานงานต่อ ในเรื่องการสอบปากคำ และดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจได้ควบคุมตัวเข้าห้องควบคุมทันที และในระหว่างทางเข้าประตูตัว นายซาฮ์รูค พยายามพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่ทันใดเมื่อเจ้าตัวเห็นพ่อแม่ และพี่ชาย คนในครอบครัวที่เดินทางจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อมาให้กำลังใจ และแสดงความเป็นห่วง พร้อมส่งทีมทนายให้การช่วยเหลือในเรื่องคดีความ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสอื้น และร้องไห้ออกมาในทันที ก่อนจะเดิมก้มหน้าเข้าห้องคุมไปพบกับ นายโอลาฟ ที่ถูกคุมขังอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหดหู่ให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

จากการพูดคุยกับครอบครัวของ นายซาฮ์รูค ประกอบด้วย พ่อแม่ และพี่ชาย โดยฝ่ายแม่เป็นคนเล่าให้ฟังว่า ความสัมพันธ์ ระหว่าง นายซาฮ์รูค ลูกชาย เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว เริ่มจากลูกชายได้ให้ครอบครัวทำความรู้จักกับ นางเพธา นายหน้าซื้อขายที่ดินชาวเยอรมัน เนื่องจากตัวลูกชายเอง อยากทำงานนายหน้าขายที่ดินในจังหวัดภูเก็ต และอยากได้เงินเปอร์เซ็นในการค้าขายที่ดิน หลังจากที่ลูกชาย ทำงานกับนางเพธา ได้สักระยะหนึ่ง และรู้ว่าครอบครัวประกอบธุรกิจนำเข้าอาหารทะเล นางเพธา ได้ตะล่อมให้ตัวลูกชาย นัดพ่อเข้ามาพูดคุยเพื่อร่วมทำธุรกิจด้วย แต่เมื่อทางพ่อไปถึงเมืองพัทยา และยอมรับว่ามีการคุยกัน แต่รู้สึกว่าไม่โอเคตั้งแต่เริ่มรู้จัก จึงปฏิเสธด้วยการไม่ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน

หลังจากนั้นทางพ่อ และแม่ก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันอีกเลย พร้อมทั้งเตือนให้ลูกชายเลิกคบค้าสมาคมด้วย จนมารู้ข่าวในภายหลังว่าตัวลูกชาย ยังมีการพูดคุยร่วมทำงานกับ นางเพธา อยู่ เพราะเพียงตัวลูกชาย ต้องการเงินค่าคอมมิชชั่นจากการค้าขายที่ดิน ส่วนนายโอลาฟ ยืนยันไม่เคยรู้จักกับคนในครอบครัวมาก่อน จนกระทั่งมารู้ข่าวว่าลูกชาย ไปร่วมก่อคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน ยอมรับว่าขณะนั้น จนถึงบัดนี้ รู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก ขณะที่นิสัยใจคอตัวของลูกชาย ซึ่งพูดแบบไม่ได้เข้าข้าง ส่วนตัวในฐานะแม่คือตัวลูกชาย จะไม่มีการพูดโกหกกับแม่อย่างแน่นอน โดยมีการคุยล่าสุด เมื่อตอนลูกชาย ถูกจับอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งลูกชายได้โทรศัพท์มาแล้วร้องไห้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

โดยมีใจความดังนี้ “แม่ผมขอสาบาน ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมโดนข่มขู่ ผมเป็นห่วงน้องผม และเป็นห่วงเมียผม มันขู่จะเอาเมียกับน้องสาวไปที่เขมร หากไม่ทำตามที่สั่ง กูจะอุ้มน้องมึงไปกับเมียมึง ” ก่อนที่เขาจะตัดสายไปเอง สาเหตุที่นายโอลาฟ ข่มขู่มานั้น เหมือนนายโอลาฟ จะรู้ดีว่า ตัวเมียลูกชาย และน้องสาวพักอาศัยอยู่ที่ไหน เพราะวันที่นายโอลาฟ โดนจับเห็นแฟนลูกชายบอกว่าอยู่ใกล้ๆกับที่พัก ในส่วนการที่ตัวลูกชาย โดนข่มขู่ให้ไปทำอะไร ยังไม่มีการพูดคุยกัน และเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายจะมาก่อคดีสะเทือนขวัญแบบนี้

ขณะที่ นายชาลี พี่ชาย ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ให้เช็คประวัติ นายซาฮ์รูค น้องชายได้เลยว่าไม่เคยมีประวัติที่เสียหาย และอยากให้ไปถามเพื่อนน้องชาย ที่ภูเก็ตได้เลยว่าน้องชายไม่ใช่คนแบบนั้น แค่ทรงเขาให้ไม่ใช่ว่าเขาจะทำ และชอบในลายสัก พร้อมชื่นชอบในการขับขี่รถบิ๊กไบค์ ซึ่งตัวน้องชายก็มีเพื่อนๆที่ขับอยู่หลายคน ในส่วนความสนิทสนมในตัวน้องชาย และนายโอลาฟ ตรงนี้คนในครอบครัวไม่มีใครรู้ เพราะตัวน้องชาย มีนิสัยชอบปลีกวิเวก มีเพื่อนพ้องอยู่เยอะ ชอบหารถบิ๊กไบค์ มือสอง ไปขายให้กับลูกค้าเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่น เพื่อนำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวัน และยังเชื่อมั่นในตัวน้องชายอยู่เสมอว่าไม่ได้เป็นคนทำ

อย่างไรก็ดีคงต้องรอให้มีการซักถามพูดคุยกันอีกครั้ง เนื่องจากน้องชาย ถูกนายโอลาฟ ข่มขู่มาด้วย และที่สำคัญตัวน้องชาย เพิ่งอายุ 27 ปีบริบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีความกังวลจากที่พบเห็นในข่าวว่าแก๊ง “Outlaws” ที่สำคัญคือนายโอลาฟ ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้ และมีอะไรที่นายโอลาฟ จะทำไม่ได้ ซึ่งแก๊งนี้เป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงและขนาดใหญ่ และไม่มีใครรู้ได้ว่าหลังจากนี้แก๊งเหล่านี้จะทำอะไร ซึ่งความน่ากลัวของแก๊งนี้เริ่มออกมาให้คนเห็นมากขึ้น และให้ทุกคนลองใช้ตรรกะคิดว่า ถ้าน้องชาย เป็นคนฆ่าจริง จะนั่งท้ายกระบะเปิดหน้าตัวเองทำไม โดยไม่มีอะปิดบัง หรือปกปิดใบหน้า ซึ่งถ้ารู้ว่าข้างในตู้แช่มีศพ คงไม่มีใครโง่ไปทำแบบนี้อย่างแน่นอน

ทางด้าน ทนายเลี่ยม ทุ่งสง รับหน้าที่เป็นทนายความส่วนตัวของ นายซาฮ์รูค เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับตัวนายซาฮ์รูค ซึ่งในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่าย จะเดินทางมาซักถามเหตุการณ์อีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ เบื้องต้น นายชาฮ์รูค ยังคงปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้จะมีความกระจ่างขึ้นอีกเยอะ หลังจากได้พูดคุยกับนายซาฮ์รูค กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts