“…วัชระ เพชรทอง เผยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนให้สอบถามความคืบหน้าผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปมความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดเชยความเสียหายที่เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย อันเนื่องมาจากการกระทำของจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) โดยระยะเวลาล่วงเลยมาแล้ว ๔ ปี ๔ เดือน แต่คดียังไม่คืบหน้าไปไหน ยืนยันจะมายื่นหนังสือติดตามผลทุกเดือน จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา…”
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.66 เวลา 11.30 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ภายใน สนง.กพ. นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มายื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้เร่งทวงเงินตามคำพิพากษาจาก นช.ทักษิณ โดยในหนังสือดังกล่าว ระบุว่า
ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๖ ณ พรรคเพื่อไทย ฯพณฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันและกล่าวกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จำนวน ๑๖ คน ว่า “การทำงานเพื่อประชาชนห้ามบอกว่า ทำไม่ได้ หากติดขัดเรื่องกฎหมายให้แก้กฎหมาย หรือหากติดขัดเรื่องคนก็ให้เปลี่ยนคน” (ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๑) และตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖ ที่อ้างถึง การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕๓ รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นั้น
ข้าพเจ้า นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนให้สอบถามความคืบหน้าผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลข ดำที่ อม. ๓/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดเชยความเสียหายที่เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (เงินกู้ยืมจำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท) ให้แก่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยอันเนื่องมาจากการกระทำของจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) (ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๒)
บัดนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาแล้ว ๔ ปี ๔ เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและเป็นคดีที่สาธารณชนให้ความสนใจ ท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงการคลังตามกฎหมายและต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลข ดำที่ อม. ๓/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมแล้ว โปรดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องความเสียหายที่เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการติดตามความเสียหายตามคำพิพากษาแล้วหรือไม่ อย่างไร
๒. หากติดตามความเสียหายกระทรวงการคลังได้รับเงินเพื่อชดเชยความเสียหายจากบุคคลใด จำนวนเท่าไหร่ เมื่อใด อย่างไร
ดังนั้น อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติของข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ข้าพเจ้า ขอทราบผลการติดตามการปฏิบัติตามคำพิพากษาของกระทรวงการคลังภายใต้คำกล่าวและคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา
โดยนายวัชระได้ระบุในหนังสือดังกล่าวในช่วงท้ายว่า “…ทั้งนี้ ข้าพเจ้าจะมายื่นหนังสือติดตามผลทุกเดือน จนกว่าท่านจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายโดยเร่งด่วน หากผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าและพี่น้องประชาชนทราบโดยเร็วที่สุดด้วย จักขอบคุณยิ่ง…”
สืบจากข่าว รายงาน