“…การลงนามความร่วมมือคาร์บอนเครดิตระหว่างไทยและสิงคโปร์ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนบทบาทนำของรัฐบาลไทย บนเวทีการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลก ก้าวนี้ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสีเขียว แต่ยังปูทางให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็น “ศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตแห่งอาเซียน”…”

จากวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น หลายประเทศทั่วโลกจึงร่วมมือกันจัดทำและดำเนินการตามนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนและลดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศที่ต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) รวมถึงประเทศไทย ซึ่งการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในนามผู้แทนประเทศไทย และ นายตัน ซี เหล่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านพลังงานและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ในฐานะผู้แทนประเทศสิงคโปร์ ร่วมลงนามในข้อตกลงด้านคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีส ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์

โดยมี นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ จากทั้ง 2 ประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ
ข้อตกลงครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ประเทศไทยและสิงคโปร์ สามารถดำเนินการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes: ITMOs) ที่ได้มาจากผลการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (Nationally Determined Contribution: NDC) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมมาตรการลดก๊าซเรือนกระจก และช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน อีกทั้งยังสามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน
การลงนามครั้งนี้ ยังช่วยยกระดับการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในหลากหลายด้าน อาทิ ด้านป่าไม้ ด้านพลังงานสะอาด ตลอดจนด้านนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างมีคุณภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งเสริมให้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางคาร์บอนเครดิต’ ในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ ผลจากการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (เช่น การใช้พลังงานชีวภาพ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า) หรือ ผลการกักเก็บปริมาณก๊าซเรือนกระจก (เช่น การปลูกต้นไม้) โดยสามารถนำไปใช้ในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ถ่ายโอน หรือนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น การรายงานผลการดำเนินงาน หรือการนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
สำหรับคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ (International Carbon Credit) หมายถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ ซึ่งการถ่ายโอนระหว่างประเทศนั้น เป็นการใช้คาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการที่ตั้งอยู่ในประเทศหนึ่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของอีกประเทศหนึ่งที่ทำข้อตกลงร่วมกัน ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกระดับโลก โดยมีกลไกต่าง ๆ เช่น CDM (กลไกการพัฒนาที่สะอาด : Clean Development Mechanism) ภายใต้พิธีสารเกียวโต และความตกลงปารีส ข้อ 6 เป็นตัวขับเคลื่อนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ ที่จะสามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ได้อีกด้วย


การที่รัฐบาลไทย โดยการนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าริเริ่มข้อตกลงคาร์บอนเครดิตกับสิงคโปร์ ถือเป็นหมากสำคัญที่ยกระดับบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม ข้อตกลงนี้ไม่เพียงเปิดประตูสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืน แต่ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของรัฐบาลไทยในการพาประเทศเข้าสู่การเป็น “ศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตอาเซียน” อย่างมั่นคงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล


