จากกรณีที่นายจ้าว วู่ หลิน (Mr. ZHAO WULIN) อายุ 36 ปี สัญชาติจีน ได้ก่อเหตุขู่บังคับสาวชาวจีนรายหนึ่งในไทย ด้วยการจับมัดมือมัดเท้าไว้เบาะหลังรถยนต์ เรียกค่าไถ่ 5 หมื่นหยวน หรือราว 2.5 แสนบาท แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 จับกุมตัวได้ เพราะขับรถยนต์คันดังกล่าวไปชนท้ายรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์คันหนึ่ง บนทางด่วนพิเศษ ศรีรัชฯช่วงทางลงถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. กระทั่งถูกจับกุมตัวในที่สุด พร้อมเงินสดของกลาง 1 แสนบาท
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า นายจ้าว วู่ หลิน รู้จักกับหญิงสาวผู้เสียหายที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จากนั้นหลอกพาไปมีเพศสัมพันธ์ที่โรงแรม พร้อมเอ่ยปากเรียกเงิน แต่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม นายจ้าวจึงจับมัดมือมัดเท้าพาขึ้นรถ และสุดท้ายถูกตำรวจเข้าจับกุม จากการตรวจสอบข้อมูลจากพาสปอร์ต พบว่า นายจ้าว วู่ หลิน มาจากมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และยังพบว่ามีบัตรอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในราชอาณาจักรกัมพูชา บัตรดังกล่าวทำตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา และจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้
หากยังจำกันได้ เมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ก็เคยเกิดคดีสะเทือนขวัญเหยื่อชาวจีนถูกแก๊งคนจีนอุ้มตัวไปกักขังอยู่ที่โรงแรม เพื่อเรียกค่าไถ่ตัวเป็นเงิน 1.8 ล้านบาท ก่อนที่ตำรวจจะเข้าช่วยเหลือ ขยายผลผู้ต้องหาร่วมทีมอุ้มมีทั้งคนไทยคนจีน 14 คน
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคนจีนในประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งการหลอกลวง การเรียกค่าไถ่ จนกระทั่งถึงการฆาตกรรม เป็นคดีที่คนจีนกระทำการต่อคนจีนด้วยกันเอง แต่คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทย เลยทำให้ประเทศไทยมีภาพลบออกมามาก ทำให้คนจีนกังวลเกี่ยวกับการมาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองชาวจีนที่ต้องการส่งลูกหลานมาเรียนต่อในไทย เนื่องจากการเกรงว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวกับลูกหลานของตน จึงเลื่อนการตัดสินใจ ยกเลิกแผน หรือเปลี่ยนแผนหันไปเรียนในประเทศอื่นแทน
จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแค่ 1.5 ล้านคน แนวโน้มทั้งปี 2566 น่าจะพลาดเป้า ถึงแม้จะปรับลดเป้าหมายลงมา ดูจากสถิติแล้วคาดว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยลดน้อยลงเหลือแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยในปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีมากถึง 10-11 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาเยือนเมืองไทย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจจีนมีความไม่แน่นอน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกต่างประเทศน้อยลง ขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ ต่างช่วงชิงให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปยังประเทศของตน
ประเทศไทยเคยเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน แต่ปัจจุบันข้อมูลจากเว็บไซต์ Trip.com ระบุว่า ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้ ประเทศไทยกลายเป็นเป้าหมายอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวจีน รองจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เสน่ห์ของเมืองไทยที่ลดหายไปในสายตาของคนจีน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีข่าวปลอมเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทยแพร่หลายอย่างมากในโลกออนไลน์ของจีน เช่น นักท่องเที่ยวจีนถูกขโมยไตไปขาย นักท่องเที่ยวถูกลักพาตัวไปโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น จากกลุ่มที่มีเจตนาซ่อนเร้น ใช้เรื่องทุนจีนสีเทามาทำลายความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับประเทศจีน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องโชว์ฝีมือแก้ปัญหาให้จบสิ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อชาวจีนให้กลับมาเหมือนเดิม
