แม้จะมีข่าวบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในจีนหลายรายกำลังประสบปัญหาทางธุรกิจ แต่ดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง กลับพุ่งขึ้นขานรับข่าวที่รัฐบาลจีนออกมาตรการสนับสนุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการลดเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้าน และผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสินเชื่อเพื่อการกู้จำนองในเมืองใหญ่ของจีน
โดยดัชนี HSCEI เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2566 ปรับตัวขึ้นมากถึง 2.2% นำโดยหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เช่น หุ้นบริษัทไชน่า รีซอร์สเซส แลนด์ (China Resources Land) และบริษัทไชน่า โอเวอร์ซีส์แลนด์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ (China Overseas Land & Investment) ส่วนดัชนีของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ที่ติดตามหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจีน พุ่งขึ้น 3% เช่นกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่จีนประกาศกำหนดเงินดาวน์บ้านขั้นต่ำทั่วประเทศ จะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20% สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก และ 30% สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งที่สอง โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมืองขนาดใหญ่ของจีน เช่น ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ จะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสินเชื่อเพื่อการจำนองสำหรับผู้ซื้อบ้านบางราย โดยดำเนินขั้นตอนที่คล้ายคลึงกับเซินเจิ้นและกว่างโจว
ต้องยอมรับว่าในอดีตคนจีนที่มีกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองมักจะเป็นคนมีฐานะ เพราะราคาบ้านและอพาร์ทเมนต์ค่อนข้างแพง และส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อแค่ห้องเดียว แต่ซื้อครั้งละหลายห้องเพื่อนำมาขายต่อเพื่อกำไร หรือปล่อยเช่าในราคาสูง ทำให้คนจนหรือคนที่มีรายได้น้อยไม่มีโอกาสที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง นั่นทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการกำหนดเกณฑ์การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ใหม่ เช่น ห้ามซื้อเกินคนละ 1 ห้อง และต้องลดเงินดาวน์ลงมา เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของห้องพักอพาร์ทเม้นท์หรือบ้านสักหลัง นั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งเกิดปัญหาเพราะยอดขายที่ลดลง แต่ก็เป็นการกระจายโอกาสอย่างทั่วถึง และหยุดการเติบโตแบบภาพลวงตาหรือเศรษฐกิจฟองสบู่