วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจเศรษฐกิจมหาภาค-นโยบายเศรษฐกิจ“เศรษฐา” พร้อมเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน ยันจำเป็นต้องพักหนี้ช่วยเกษตรกร แต่จะไม่มีจำนำข้าว-ประกันราคาข้าว

Related Posts

“เศรษฐา” พร้อมเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน ยันจำเป็นต้องพักหนี้ช่วยเกษตรกร แต่จะไม่มีจำนำข้าว-ประกันราคาข้าว

29 กันยายน 2566 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ – นายกฯ พร้อมเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน จำเป็นต้องพักหนี้ช่วยเกษตรกร แต่จะไม่มีการจำนำข้าว-ประกันราคาข้าว ยอมรับไทยมีความขัดแย้งมานาน ใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญลดความเหลื่อมล้ำ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ พร้อมใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงเปลี่ยนแปลง ก่อนเป็นรถอีวี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภายในงาน ถอดรหัสลงทุนก้าวข้ามวิกฤต

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก็เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาการต่างประเทศก็เช่นกัน ซึ่งประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก่อนเป็นประเด็นแรกคือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสังคม เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่หมักหมมมายาวนาน ไม่อยากจะบอกว่าถูกปล่อยปละละเลยการแก้ปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ยากและใหญ่มีหลายมิติ ทำให้การแก้ปัญหาได้ไม่ตรง จึงต้องเริ่มด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีการวางโรดแมปไปแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่ง คนรวยก็รวยมาก คนจนก็จนมาก ถ้าให้รัฐบาลออกมาตรการเป็นคำสั่งแก้ปัญหา คิดว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะตัองแก้ปัญหาด้วยจิตใต้สำนึกของทุกคน ขอวิงวอนให้ทุกคนเข้าใจ และเชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกมิติ ไม่ว่าจะสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ เลือกการประกอบอาชีพ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้ช่วยกันซัพพอร์ตแสดงความเห็นในเชิงบวก ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา หรืออาจนานกว่านั้น ในส่วนของตนเองขอบคุณในฐานะคนไทย เมื่อเรามีความเห็นต่าง มีความไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย แทนที่จะพูดจากันด้วยภาษาที่ทุกคนรับฟังกันได้อย่างสบายหู มีสีหน้าที่ดูแล้วมีมิตรภาพบนความเห็นต่าง ตนเองมองว่าจะเป็นการกระทำที่ดีกว่า

แต่ปัจจุบันนี้การให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเยอะ คนพูดเยอะ มีการใช้คำพูดที่บาดหัวใจ ฟังแล้วสะอื้นได้พอสมควร ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องอ่อนไหวจริงๆ แต่ผลกระทบในเชิงลึกมีมาก สังคมมีความแตกแยก มีการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เรามีวิธีการที่สื่อสารกันได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันไป คำพูด คำจาแต่ละคำมีความหมายลึกซึ้ง ปัญหาไม่ได้เพิ่งเกิด 2-3 ปี แต่เกิดมานานแล้ว หลายคนอาจจะบอกว่าการใช้ภาษารุนแรงนั้นชัดเจน แต่อาจจะมีวิธีอื่นแก้ปัญหา ตนอยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แล้วหันเข้าหากัน

ก่อนหน้านี้ตนเป็นคนพูดห้วน สั้น แต่จากนี้ไปต้องพูดให้ยาวขึ้น ตนเป็นคนที่ชัดเจนมาตลอด หากรู้จัก ตนเป็นคนพูดน้อย ได้ใจความ แต่มายืนอยู่ตรงนี้ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่เราเองต้องมีการปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ลดความขัดแย้งลงไปในการพูดจา คนไม่ได้ต้องการว่าใครหรือตอบโต้ใครทั้งสิ้น การใช้คำว่าปฏิรูปสังคายนา ล้างบาง ขอยกตัวอย่างคำพูดเหล่านี้ ตนว่าทุกๆ คนก็มีความภูมิใจในองค์กรของตัวเอง ทุกคนเข้าใจในความหวังดีขององค์กรตัวเอง และทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่เราใช้คำพูดที่รุนแรง วิธีการที่ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เป็นวิธีการที่แก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือการแก้ไขปัญหาอยู่ที่การกระทำ และการพูด การที่เอาสถาบันต่างๆ มาพูดในที่สว่าง มีคำพูดที่รุนแรง เชื่อว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา

แต่การแก้ไขปัญหาคือพูดคุยกันในภาษาที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ไปเน้นหนักที่การกระทำ และกระบวนการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้สังคมนั้นดีขึ้น เชื่อว่าไม่ต้องพูดเยอะในเรื่องนี้ แต่ทุกคนตระหนักดีอยู่แล้ว การกระทำตัวของทุกคนในสังคมมีส่วนช่วยให้สังคมลดความเหลื่อมล้ำ ในเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดียอวดแสดงตนว่าเหนือท่าน หลายๆ เรื่อง หากลดลงไปได้บ้าง คนที่อยู่ชายขอบของสังคมเขาก็จะมีความสบายใจขึ้น เชื่อว่าทุกคนในที่นี้อาจจะรวมถึงตนเอง ไม่สายเกินไปในการช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้นจากการกระทำของพวกเราทุกคน

“ผมพูดไปหลายวงแล้วไม่อยากเน้นเยอะ เดี๋ยวจะหาผมมีอคติกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมไม่สบายใจจริงๆ กับเรื่องนี้ เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจทุกคนเข้าใจดี GDP เพื่อนบ้านที่โตกว่าเราถึงสองเท่า ปัญหาเศรษฐกิจพี่น้องประชาชนเดือดร้อน ถ้าไม่มีการเยียวยาหรือบริหารจัดการ จะเรียกว่าประชานิยมหรือนโยบายหาเสียงอะไรก็ได้ แต่มีอีกหลายสิบล้านคนที่เดือดร้อนอยู่กับปัญหาปัจจุบัน รัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชน อะไรที่ทำได้เราทำก่อน เช่น การลดค่าไฟ หลายคนเข้าใจว่าพยายามทำอยู่ อย่างการพักหนี้เกษตรกร หลายคนคงไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร พักหนี้มาแล้ว 13 ครั้ง ภายใน 9 ปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ความจำเป็นที่ต้องพักตอนนี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนมาก ทำให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อ มีหลายตลาดที่เรายังด้อยกว่าประเทศอื่น อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศมาก เราไม่มีความประสงค์เรื่องการจำนำข้าว หรือประกันราคาข้าว โดยรัฐบาลจะใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริม ยกเว้นจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เราต้องช่วยจุนเจือเกษตรกร ไม่ขอพูดเรื่องรัฐบาลก่อนๆ

นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้ง ว่าการบริหารจัดการน้ำแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ การบริโภค ระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และในปีนี้ฝนตกช้าและตกน้อย และสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตกลงมาก็ตกหลังเขื่อน จึงได้กำชับเรื่องการเก็บน้ำ  ได้สั่งการกรมชลประทาน ต้องไม่ให้เกิดขึ้นและควบคู่กับการเกษตรกรรมทั้งหมด

ส่วนเรื่องของสนามบินก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นความเจริญก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือภูเก็ตเท่านั้น ซึ่งในการท่องเที่ยวไม่ใช่เน้นแต่จำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้เขาอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน โปรโมทยกระดับการท่าอากาศยานให้รองรับเครื่องบินมาขึ้น เพื่อให้เที่ยวบินสามารถบินเข้า-ออกในช่วงกลางคืนได้ด้วย เป็นความปรารถนาของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนสนามบินในพื้นที่ภาคใต้ เป็นอันดามันแอร์พอร์ต หรือที่เชียงใหม่ เป็นล้านนาแอร์พอร์ต ต้องพัฒนาขึ้นจากเดิม ตนเทหมดหน้าตักในการพัฒนาประเทศ บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมนี้ และยืนยัน ไม่ลืมต้นน้ำที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็น 10 ปี พร้อมยกตัวอย่างกรณีของบริษัทรถญี่ปุ่นที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถอีวี ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเดือดร้อน เราจะมีการพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้าย ก่อนช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงการเดินทางไปประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา ว่าได้มีโอกาสพบผู้นำหลายประเทศ และเป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วในการทำธุรกิจกับทุกประเทศ เราจะมีผู้นำและรัฐบาลเดินทางไปพบปะกับทุกประเทศ เพื่อเร่งเจรจาเพื่อขยายข้อตกลง FTA  เพื่อเป็นการเปิดประเทศให้นักลงทุนเข้ามา และจากการที่ได้พบตัวแทนหลายบริษัท เช่น ไมโครซอฟท์ เทสล่า กูเกิล ก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนของประเทศไทยที่ไม่ได้พึ่งจาก GDP ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งไทยไม่ใช่มีเพียงวัฒนธรรม ภูเขา ทะเล หรือสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังมีโรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ไว้รองรับ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมสหประชาชาติมีการพูดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญ พร้อมย้ำรัฐบาลพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ จะมีการพูดคุยและรับข้อเสนอแนะ เพื่อดึงดูดการลงทุน สนับสนุนหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้ออกไปพูดคุยกับนานาประเทศด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts