รายงานข่าวจากสื่อของสหรัฐ (28 ก.ย.) ว่า ทำเนียบขาวและรัฐบาลจีนกำลังหารือเกี่ยวกับการเดินทางเยือนสหรัฐของนายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือเศรษฐกิจชั้นเยี่ยมของจีน ในเดือน ต.ค. ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของจีนที่เดินทางเยือนสหรัฐนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง โดยการเดินทางเยือนสหรัฐของรองนายกรัฐมนตรีจีนก็เพื่อเตรียมการสำหรับการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปค 2023 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือน พ.ย.นี้ ที่ซานฟรานซิสโก
โดยก่อนที่ เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนจะเดินทางไปสหรัฐ ได้มีการพบกันระหว่าง นายซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน และ นายแดเนียล ไครเทนบริงค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ตามฉันทามติทวิภาคี และคำเชิญจากฝ่ายสหรัฐ
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์คืนวันพฤหัสบดีว่า นายซุน และนายไครเทนบริงค์ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเชิงลึกในประเด็นภูมิภาคเอเชีย เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า จีนและสหรัฐกำลังมีส่วนร่วมในการเปิดช่องทางการสื่อสารเพิ่มมากขึ้น ทั้งสองยังได้หารือกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างข้อถกเถียงมากที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ
แถลงการณ์ระบุว่า นายไครเทนบริงค์ได้เน้นย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้หารือในประเด็นระดับภูมิภาค เช่น เมียนมา เกาหลีเหนือ และประเด็นต่าง ๆ ทางทะเลด้วย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ คาดหวังว่าจะได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในอีก 2 เดือนข้างหน้า แต่หาก ปธน.สีจะไม่ไปปรากฏตัวในเวทีเอเปค 2023 โลกก็คงไม่แปลกใจ เพราะท่ามกลางความพยายามสื่อสารในรูปแบบเปิดกว้างมากขึ้นนั้น ยังคงซ่อนเร้นการ “เหน็บแนม” อยู่กรายๆ
เห็นได้จากการเดินทางเยือนจีนของนายแอนโทนี บลิงเกน รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ระหว่างวันที่ 18-19 มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปูทางถึงความเป็นไปได้ที่ปธน.ไบเดนจะได้พบปะกับปธน.สี ในเดือน พ.ย.นี้ แต่หลังจากนายบลิงเกนเดินทางออกจากจีนเพียงวันเดียว ปธน.โจ ไบเดน กลับเรียกผู้นำจีนว่า “เผด็จการ” ในระหว่างงานระดมทุนที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งไม่พอใจอย่างมาก และต่อต้านอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับคำกล่าวที่ผู้นำสหรัฐ เรียกประธานาธิบดีสีว่าเป็นเผด็จการ รวมถึงคำกล่าวนี้ยังเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีทางการเมืองของจีนอย่างร้ายแรง
หรืออย่างกรณีล่าสุด รัฐบาลวอชิงตันเตรียมใช้กฎหมาย จำกัดการลงทุนบางส่วน “ในด้านเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหว” ของสหรัฐในต่างประเทศ ครอบคลุมการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยจะเป็นการห้ามการลงทุนนอกตลาดและธุรกิจร่วมทุนใหม่ เพื่อเป็นการยกระดับการควบคุมการหลั่งไหลของกระแสเงินขาออก และป้องกันไม่ให้ประเทศจีนพัฒนาสิ่งเดียวกันตอบโต้ศักยภาพของสหรัฐ ปัญหาช่องแคบไต้หวัน วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ก็ยังเป็นประเด็นอ่อนไหวที่ทั่วโลกไม่มั่นใจว่า “เวทีเอเปค 2023” จะเห็นการปรากฏกายของผู้นำจีนหรือเปล่า