@suebjarkkhao จับทางจีน-ทฤษฎีชี้นำ
♬ เสียงต้นฉบับ – Suebjarkkhao
“…เส้นแบ่งสุดท้ายที่นำไปสู่ชะตากรรมที่ต่างกันระหว่างสหภาพโซเวียตกับจีนในปลายทศวรรษ 1980 ก็คือ สหภาพโซเวียตใช้ทฤษฎีเปเรซทรอยก้าของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ที่มุ่งปฏิรูปภายในพรรคและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ขณะที่จีนใช้ทฤษฎี เติ้งเสี่ยวผิง ทำการเปิดประเทศ สร้างเศรษฐกิจที่ถือเอาตลาดเป็นฐาน ให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ พรรคฯ คือ ผู้ใช้อำนาจกำหนดสูงสุด ปลดปล่อยความคิด หาสัจจะจากความเป็นจริง นำเสนอทฤษฎี “สังคมนิยมอัตลักษณ์จีน และทฤษฎี“ เศรษฐกิจตลาดสังคมนิยม เปิดประเทศและปฏิรูประบบกลไกต่างๆ ให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นที่สุด ..”
ทฤษฎีชี้นำ 理论指南
ในห้วงที่โลกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือทุนนิยมกับสังคมนิยมนั้น เคยมีการปฏิบัติทั่วไปในค่ายสังคมนิยม ด้วยการนำเสนอทฤษฎีชี้นำการบริหารประเทศ แต่เหตุไฉนเมื่อมาถึงวันนี้ กลับมีเพียงจีนประเทศเดียวที่ยังคงโดดเด่นและเด่นยิ่งกว่าเดิมในฐานะของประเทศสังคมนิยมที่กำลังจะแซงหน้าโลกทุนนิยมทั้งโลก
เส้นแบ่งสุดท้ายที่นำไปสู่ชะตากรรมที่ต่างกันระหว่างสหภาพโซเวียตกับจีนในปลายทศวรรษ 1980 ก็คือ สหภาพโซเวียตใช้ทฤษฎีเปเรซทรอยก้าของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ที่มุ่งปฏิรูปภายในพรรคและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ขณะที่จีนใช้ทฤษฎี เติ้งเสี่ยวผิง ทำการเปิดประเทศ สร้างเศรษฐกิจที่ถือเอาตลาดเป็นฐาน ให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้แตะต้องอำนาจนำของพรรคฯแต่ประการใด ตรงกันข้ามในทุกขั้นตอนของการปฏิรูปและเปิดกว้าง พรรคฯคือผู้ใช้อำนาจกำหนดสูงสุด
การปฏิรูปตามทฤษฎีของ กอร์บาชอฟ นำไปสู่การสลายตัวจากภายใน นำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ขณะที่การปฏิรูปของจีนตามทฤษฎี เติ้งเสี่ยวผิง นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
จากนี้จะเห็นว่าการใช้ทฤษฎีชี้นำในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยอำนาจรวมศูนย์จากบนลงล่างนั้นมีความสำคัญชี้เป็นชี้ตายเลยทีเดียว เมื่อใดที่มีทฤษฎีชี้นำถูกต้อง ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปได้ดี ตรงกันข้าม เมื่อใดที่มีทฤษฎีชี้นำผิดพลาด ความเสียหายที่ตามมาก็มากมายใหญ่หลวง
พรรคฯ จีนมีบทเรียนของการใช้ทฤษฎีชี้นำเป็นอย่างดี โดยครั้งแรกและสำคัญที่สุดก็คือการใช้ทฤษฎีสงครามประชาชนแทนที่การลุกขึ้นสู้ในเมืองตามทฤษฎีปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ
การทำสงครามประชาชนที่ใช้ชนบทล้อมเมืองและยึดเมืองในที่สุด สอดคล้องกับสภาพเป็นจริงของประเทศจีนยิ่งกว่า ทำให้ภารกิจปลดปล่อยประเทศชาติของชาวจีนประสบความสำเร็จในที่สุด
ภายหลังการปลดปล่อยแล้ว ประเทศจีนได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนประวัติศาสตร์ใหม่ นั่นคือสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
เติ้งเสี่ยวผิง และกลุ่มแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้สืบทอดวิธีการสร้างทฤษฎีที่อิงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงจาก เหมาเจ๋อตง ชูธง “ปลดปล่อยความคิด หาสัจจะจากความเป็นจริง”(解放思想 实事求是)นำเสนอทฤษฎี “สังคมนิยมอัตลักษณ์จีน”(中国特色社会主义)และทฤษฎี “เศรษฐกิจตลาดสังคมนิยม” (社会主义市场经济)เปิดประเทศและปฏิรูประบบกลไกต่างๆให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นที่สุด
ผลคือประเทศจีนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างพรวดพราดในช่วงเวลาเพียงสองสามทศวรรษ
มีการเปรียบเปรยกันว่า เหมาเจ๋อตงคือผู้ทำให้คนจีนลุกยืนขึ้นได้ เติ้งเสี่ยวผิง คือผู้ทำให้จีนมั่งคั่งขึ้นมา
และ สีจิ้นผิง กำลังทำให้ประเทศจีนแข็งแกร่งขึ้นมา
ซึ่งก็น่าจะเป็นความจริง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเป็นไป ล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนถึงความถูกต้องของแนวคิดทฤษฎีของคณะนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนนำ
ไขคำจีน
理论
หลี่ลุ่น
ทฤษฎี