จากเว็บไซต์มติชนได้รายงานว่า ข้อมูลของบริษัทตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์พบว่าคนจีนยังต้องการมองหาซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง โดยทำเลที่ต้องการยังคงเป็นทำเลเดิมที่คุ้นเคย ได้แก่ กรุงเทพฯ ในโซนสุขุมวิท สาทร สีลม รัชดาภิเษก พระราม 9 รามคำแหง พระราม 4 ศรีนครินทร์ที่อยู่ใกล้เมือง ส่วนต่างจังหวัดยังคงเป็นเชียงใหม่ พัทยา
อีกทั้งยังให้ความสนใจเรื่องพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เช่น ดูฮวงจุ้ย ห้องชุดไซซ์ใหญ่ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ 45-70 ตารางเมตร ระดับราคา 3-10 ล้านบาท
สอดรับกับ ”วิชัย วิรัตกพันธ์” ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ทำเลรัชดา-พระราม 9 ตั้งแต่แยกดินแดงไล่มาพระราม 9 ถึงแยกห้วยขวาง เป็นทำเลที่มีชาวจีนอยู่อาศัยมาก เพราะอยู่ใกล้สถานทูตจีน โดยมีการอยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักตามโรงแรมในโซนนี้ ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเกือบเต็มทุกโรงแรม ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมียอดขายดี ทั้งเป็นการซื้ออยู่เองและปล่อยเช่า
เมื่อโฟกัสทำเลรัชดา-พระราม 9 ทำเลยอดนิยมของชาวจีน หลังจากได้มีการเข้าไปทำธุรกิจในย่านห้วยขวางเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่ว่าร้านอาหาร หม้อไฟ หมาล่า ภัตตาคารอาหารจีน ปิ้งย่าง โรงเรียนสอนภาษาที่ขึ้นป้ายหรา
รวมถึงยังได้เข้าไปลงทุนธุรกิจครบวงจรที่รัชดาซอย 4 มีทั้งร้านอาหาร โรงแรม และสถานบันเทิง โดยเช่าที่ดินทำธุรกิจเป็นระยะยาว 10 ปี จากนักพัฒนาที่ดินรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นตลาดนัดละลายทรัพย์
ปัจจุบันการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ โดยมีการปรับปรุงอาคารเดิมเป็นสถานบันเทิงหมิงเหมิน เป็นอาคารขนาด 3 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นคาราโอเกะ และมีห้องวีไอพี, ชั้น 2 เป็นผับ และชั้น 1 เป็นร้านอาหารจีน
ส่วนบริเวณด้านในมี “โรงแรมเซิ้นหลิน” เป็นอาคารสูง 5 ชั้น เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ยังมีการก่อสร้างอาคารสูงประมาณ 5 ชั้น ว่ากันว่าจะเป็นร้านอาหาร
ล่าสุดทำเลเยื้องกับ ”โพไซดอน” ติดกับมาเรียเมสเสจ มีการขึ้นป้ายว่า ”Sky Water Spa” พร้อมป้ายประกาศรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่ง เป็นภาษาจีน ทั้งนี้ จากการสอบถามคนในละแวกดังกล่าวทราบว่าเป็นของคนจีนที่มาเช่าที่ดินทำธุรกิจนวดสปา
ภาพ มติชน