สำนักข่าว STANDARD ได้รายงาน ว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าทางการจีนและสหรัฐอเมริกาตกลงที่จะเจรจาหารือเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษนับตั้งแต่สมัยของ บารัก โอบามา
โดยคาดการณ์ว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้านี้ หลังการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศและนักการทูตระดับสูงของรัฐบาลจีน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ทั้งสองประเทศจะร่วมหารือกันในประเด็นการควบคุมอาวุธและไม่แพร่ขยายอาวุธดังกล่าว พร้อมพูดคุยประเด็นเกี่ยวกับกิจกรรมทางทะเลและประเด็นด้านความมั่นคงอื่นๆ
ด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เคยกล่าวเมื่อปี 2021 ว่า ประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศตกลงที่จะเริ่มมองหาช่องทางหารือถึงประเด็นด้านเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ ซึ่งท่าทีดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลใจของทางการสหรัฐฯ ที่มีต่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์และการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของทางการจีน
แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ระบุว่า การเจรจาที่จะเกิดขึ้นจะไม่คล้ายคลึงกับการเจรจาลดอาวุธอย่างเป็นทางการเหมือนกับที่สหรัฐฯ เคยทำกับรัสเซีย
รายงานด้านความมั่นคงของเพนตากอนสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพจีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 500 ลูกในคลังแสง และอาจมีหัวรบมากกว่า 1,000 ลูกภายในปี 2030 ขณะที่จีนโต้แย้งว่า คลังแสงของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่มากอยู่แล้ว และมีหัวรบนิวเคลียร์สะสมอยู่ประมาณ 3,700 ลูก โดยทั้งกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงรัสเซียครอบครองอาวุธนิวเคลียร์คิดเป็นเกือบ 90% ของนิวเคลียร์ทั่วโลก
โดยการเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะมีโอกาสพบกันในการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ในช่วงปลายปีนี้ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ