“สำหรับจีนและสหรัฐ การหันหลังให้กันไม่ใช่ตัวเลือก แต่การพยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งและสร้างผลพวงร้ายแรงแก่ทั้งสองฝ่าย โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงพอที่สองประเทศสามารถประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จของประเทศหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับอีกประเทศ” สีจิ้นผิง กล่าวในการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน พบกันอีกครั้ง เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2566 ในการประชุมระดับประธานาธิบดีจีน-สหรัฐ ณ คฤหาสน์ฟิโลลี ซึ่งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร นับเป็นการพบกันซึ่งหน้าครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี ท่ามกลางความตรึงเครียดของภูมิรัฐศาสตร์โลก
ผู้นำจีนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า จีนและสหรัฐฯ เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และแสวงหาความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายย่อมจะสามารถเอาชนะความแตกต่างเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และแสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่อสองประเทศใหญ่เดินหน้าไปด้วยกันแบบสัมพันธ์เชิงทวิภาคี
“ตลอดระยะเวลา 50 กว่าปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น มักจะประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอมา ทว่าความสัมพันธ์นี้ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์อันยุ่งยากสลับซับซ้อน” สีจิ้นผิง กล่าว
ผู้นำจีนชี้ว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ควรเป็นที่ตระหนักเข้าใจและวางแผนภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่ไม่เคยพานพบในรอบศตวรรษ โดยความสัมพันธ์นี้ควรพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศ และปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
“สำหรับสองประเทศใหญ่เฉกเช่นจีนและสหรัฐ การหันหลังให้กันไม่ใช่ตัวเลือก แต่การพยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งและสร้างผลพวงร้ายแรงแก่ทั้งสองฝ่าย โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงพอที่สองประเทศสามารถประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จของประเทศหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับอีกประเทศ” ปธน.จีน กล่าว
สีจิ้นผิง ยังกล่าวว่าสหรัฐว่าควรลงมือปฏิบัติจริงตามคำมั่นในการไม่สนับสนุน “เอกราชไต้หวัน” หยุดการส่งมอบอาวุธแก่ไต้หวัน และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของจีน ซึ่งการรวมชาติของจีนเป็นสิ่งที่มิอาจหยุดยั้งได้
ขณะที่ ปธน.ไบเดน กล่าวว่า เขาให้คุณค่าการสนทนากับสีจิ้นผิง เพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ผู้นำทั้งสองจะเข้าใจกันอย่างชัดแจ้ง
“เราจำเป็นต้องรับรองร่วมกันว่าการแข่งขันจะไม่หักเหกลายเป็นความขัดแย้ง และจำเป็นต้องกำกับดูแลการแข่งขันนั้นอย่างมีความรับผิดชอบ” ไบเดน กล่าว พร้อมระบุว่า ความท้าทายสำคัญระดับโลกที่ทั้งสองประเทศเผชิญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปราบปรามยาเสพติด จนถึงปัญญาประดิษฐ์ ต้องการความพยายามร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย
ขอขอบคุณภาพจากซินหัว