“…จากคดี ‘ผับจินหลิง’ผับศูนย์เหรียญ การทำธุรกิจล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฏหมาย ทั้งค้ายา ขยายเน็ตเวิร์คยาเสพติด การพนันออนไลน์ ฟอกเงิน พร้อมกับการถูกเปิดเผยว่ามีนายตำรวจระดับสูงเข้าไปมีส่วนพัวพันด้วย ต่อมาก็มาถึงคดีเจ้าของเว็ปการพนันออนไลน์ แจ้งความจับผู้การชลบุรีกับพวกตำรวจลูกน้อง ตบทรัพย์ผู้ต้องหา อุ้มรีดไถเงิน 140 ล้านบาท พร้อมวลีดัง คำพูดเด็ด “เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา” คล้อยหลังไม่นานก็เกิดคดีชุดปฎิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการ Big Cleaning Day กวาดบ้านตำรวจ หนึ่งในนั้นเป็นบ้านพักของทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวนี้ด้วย มีการออกหมายจับตำรวจ 8 นาย จับกุมได้แล้วบางส่วน ทั้งหมดเป็นตำวจใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ วันนี้ยังมีเรื่องฉาวอีก เกิดคดีพีอาร์สาว แจ้งจับตำรวจ 7 คนชุดสืบสวนจ.ปทุมธานี เพราะถูกรีดเงินเพื่อปิดคดี แถมข่มขืนแลกกับการเคลียร์นายให้ปล่อยตัวอีกด้วย หากพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผต.ตร. แห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังไม่มีความชัดเจนต่อการลงโทษตำรวจสีเทาเหล่านี้ ก็คงต้องทนกลิ่นเหม็นๆของผู้ร่วมงานที่ใกล็ชิด บางคน และผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติกรรมไปพัวพันกับอาชญากรรม…”
จากคดี ‘ผับจินหลิง’ ผับลับของนักท่องเที่ยวจีน ในเขตยานนาวา เป็นผับศูนย์เหรียญ เปิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนและใช้ของที่ส่งมาจากจีนเท่านั้น ก่อนจะเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า เจ้าของคือกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนเป็นเครือข่าย 5 ทุนจีนเทา ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มเดวิด, กลุ่มฉางเฟ่ย, กลุ่มโทนี, กลุ่มหมิง และกลุ่มตู้ห่าว
การทำธุรกิจล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฏหมาย ทั้งค้ายา ขยายเน็ตเวิร์คยาเสพติด การพนันออนไลน์ ฟอกเงิน
เป็นคดีที่ลึกลับซับซ้อนและอยู่ในหน้าข่าวมานานหลายสัปดาห์ในห้วงเวลาที่ผ่าน พร้อมกับการถูกเปิดเผยว่ามีนายตำรวจระดับสูง และนักการเมืองระดับชาติเข้าไปมีส่วนพัวพันด้วย กลายปัญหาระดับชาติสำหรับ “โดยธุรกิจสีเทาจีนเข้ามาอาศัยใช้ประเทศไทย” เป็นฐานสำคัญต่อการกระทำความผิดกฎหมายหลายรูปแบบ และพบว่ามีการทุจริตโดยใช้เงินใต้โต๊ะ หรืออิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ และเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มจีนสีเทาจะไม่มีวันสยายตัวใหญ่โตได้เลย “หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเอื้อประโยชน์อยู่เบื้องหลังธุรกิจนี้”
ต่อมาก็มาถึงคดีเจ้าของเว็ปการพนันออนไลน์ ผู้เสียหายทั้ง 6 ราย ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายแจ้งจับผู้การชลบุรีกับพวกตำรวจลูกน้อง ตบทรัพย์ผู้ต้องหา อุ้มรีดไถเงิน 140 ล้านบาท พร้อมวลีดัง คำพูดเด็ด “เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา”
สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่มีการกล่าวหานายตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัด กับพวกรวม 10 ราย ตลอดจนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อกล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง”
โดยมีพฤติการณ์ไปจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันแล้วนำตัวไปรีดเงิน 140 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเคลียร์คดี จนมีวลีเด็ดว่า “เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา” แต่ภายหลังกลุ่มผู้ต้องสงสัยไม่พอใจกับพฤติกรรมของตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจชุดดังกล่าว ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณา และต่อมา ป.ป.ช. ก็มีคำสั่งให้ส่งสำนวนกลับมาให้ชุดพนักงานสอบสวนทำคดีต่อ
จากนั้นคดีก็เงียบหายไป จนล่าสุด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้เซ็นตั้ง “พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี” เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคนใหม่ เเทน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และขอเวลาอีกสักระยะ ศึกษาคดีให้ละเอียด ก่อนประชุมร่วมอัยการ จัดพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ ทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในความผิดดังกล่าว รวมทั้งความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำความผิดหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกัน ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้นๆ แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
คล้อยหลังไม่นานก็เกิดคดีชุดปฎิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการ Big Cleaning Day กวาดบ้านตำรวจ ปูพรมลงพื้นที่ 6 จังหวัดเป้าหมาย ซึ่งพบมีความเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น อุดรธานี และสระบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 11 คน ทั้งพลเรือน และตำรวจ ในจำนวนนี้ ทราบว่า เป็นนายตำรวจ ยศ พลตำรวจตรี และ พันตำรวจเอก ซึ่งทั้ง 2 นาย ยังเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และชุดพนักงานสอบสวน ของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ และฟอกเงิน เนื่องจาก พบเส้นทางการเงินจำนวนหลายล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีของคนกลุ่มนี้ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บุกค้นเป้าหมายอีก 1 จุด ภายในซอยวิภาวดี 60 ซึ่งเป็นบ้านพักของทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวนี้ด้วย โดยจากการขยายผลเบื้องต้น พบว่า ทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 3-4 คน เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
จารตรวจค้นครั้งนี้ได้มีการออกหมายจับตำรวจ 8 นาย จับกุมได้แล้วบางส่วน ทั้งหมดเป็นตำวจใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ที่ประเทศลาว เป็นเครือข่ายใช้บัญชีผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายบัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เชื่อมโยงการจ่ายเงินเข้าบัญชีตำรวจโดยตรง จำนวนหลายครั้ง มีข้าราชการเกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นองค์กรที่ใหญ่ อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน ศาลเชื่อในพยานหลักฐานจึงออกหมายจับตำรวจ 8 นาย ตั้งแต่ พล.ต.ต.ลงไป และพลเรือนอีกจำนวนหนึ่ง
วันนี้ยังมีเรื่องฉาวอีก เกิดคดีพีอาร์สาว แจ้งจับตำรวจ 7 คนชุดสืบสวนจ.ปทุมธานี เพราะถูกรีดเงินเพื่อปิดคดี แถมข่มขืนแลกกับการเคลียร์นายให้ปล่อยตัวอีกด้วย
โดยวันอังคารที่ 12 ธ.ค.66 เพจสายไหมต้องรอด พาพีอาร์สาวพร้อมแฟนหนุ่ม แจ้งจับ 7 ตำรวจชุดสืบสวน บก.ภ.จว.ปทุมธานี รีดเงิน 3 แสนบาทแลกกับเปลี่ยนข้อหาครอบครองยาเสพติดเป็นเสพ และยังมี 1 นาย ขอค่าตอบแทนการเข้าไปเจรจากับนายด้วยการพาเข้าโรงแรมข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ แถมตบทรัพย์ไปอีก 3 หมื่น
โดยผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ประพันธ์ เรืองสุวรรณ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี จำนวน 7 นาย ซึ่งเข้าจับกุมผู้เสียหายพร้อมแฟนหนุ่ม โดยพบยาเคจำนวนหนึ่ง พร้อมกับยื่นข้อเสนอติดสินบนเจ้าพนักงานเป็นเงินจำนวน 360,000 บาทเพื่อแลกกับการ เปลี่ยนจากครอบครองเป็นเสพ พร้อมทั้งพาหญิงสาวผู้เสียหายเข้าโรงแรมโดยอ้างว่าเป็นการเคลียร์กับนายเพื่อปล่อยตัว ซึ่งหลังภายจากที่ได้ประกันตัวที่ชั้นศาลมาแล้วจึงได้เดินทางเข้าร้องเรียน เพจสายไหมต้องรอด
โดยพฤติการณ์ PR สาว แจ้งว่า ตนพร้อมแฟนหนุ่ม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว. ปทุมธานี จำนวน 7 นาย เข้าจับกุมข้อหาครอบครองยาเคตามีนเพื่อเสพ หลังจับกุมมีการนำตัวผู้เสียหายและแฟนมาที่ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี โดยแยกห้องทำการสอบปากคำ จากนั้นชุดสืบสวนได้ขอตรวจสอบโทรศัพท์ผู้เสียหายแต่ไม่พบความผิดปกติ พบเพียงเงินในบัญชีธนาคาร 360,000 บาท เมื่อชุดจับกุมเห็นว่ามีเงิน จึงใช้วิธีข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับผู้เสียหายและแฟนโดยอาจจะต้องโทษจำคุกและถูกยึดทรัพย์ แต่หากไม่อยากติดคุกไม่อยากถูกยึดทรัพท์ ให้เครียร์เงินชุดจับกุมจำนวน 300,000 บาท เพื่อแลกกับการเปลี่ยนข้อหาครอบครองยาเค เป็นข้อหาครอบครองยาบ้า 2 เม็ด จากนั้นชุดจับกุมได้พาผู้เสียหายไปตระเวนกดเงินที่ตู้ ATM ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จนครบ 300,000 บาท
ระหว่างเดินทางนำเงินไปแบ่งกันที่ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี 1 ในชุดจับกุม ได้แจ้งกับผู้เสียหายว่าตนเป็นคนเจรจากับนายให้ ตนจะได้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ผู้เสียหายจึงตอบไปว่า ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วเงินก็กดให้ไปจนหมดแล้ว ตำรวจคนดังกล่าวจึงแจ้งว่างั้นต้องร่วมหลับนอนด้วยเพื่อเป็นค่าคุยกับนาย จากนั้นตำรวจคนดังกล่าวได้บังคับพาผู้เสียหายเข้าไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรังสิต หลังจากข่มขืนเสร็จ ได้บังคับเอาเงินจากผู้เสียหายไปอีก 30,000 บาท ก่อนพาผู้เสียหายกลับมาที่ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี จากนั้นชุดจับกุมได้พาแฟนผู้เสียหายไปส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.ธัญบุรี ข้อหาครอบครองยาบ้า 2 เม็ด
หลังจากแฟนผู้เสียหายได้ประกันตัวออกมา 2 สัปดาห์ แฟนสังเกตเห็นผู้เสียหายมีอาการผิดปกติ ไม่ค่อยพูดจา ตั้งแต่หลังเกิดเหตุ แฟนจึงได้พยายามเค้นสอบถาม จึงรู้ความจริงว่า นอกจากเสียเงิน 330,000 บาทแล้ว ยังถูกตำรวจชุดจับกุมข่มขืนด้วย จึงเข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแนะนำให้มาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ดังกล่าว
กลายเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้วเมื่อปัญหาอาชญากรรมใหญ่ๆหลายเรื่องราว มักมีตำรวจหลายระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งคดีปล้นทรัพย์ ค้ายา การพนันออนไลน์ ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมันขัดกับงานยุติธรรม ตำรวจกับวงการสีเทาจะมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร? กลายเป็นเรื่องที่จับตาของประชาชน เพราะประชาชนสามารถมองเห็นพฤติการณ์ของตำรวจได้ง่ายและทั่วถึงมากกว่า แต่การมองเห็นเท่านั้นยังไม่เพียงพอ ต่อการการจัดการปัญหา ‘ตำรวจ-ทุนเทา’ เหล่านี้ว่าจะแก้ไขอย่างไร และคนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน ส่วนคนที่มีอิทธิพล คนที่มีเส้นสาย ไม่มีปัญหาเพราะเคลียร์ได้หมด
แต่ดูเหมือนว่าห้วงเวลาที่ผ่านมา ผู้นำรัฐบาลอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี 9 ปี จะไม่อีนังขังขอบแก้ปัญหาเหล่านี้ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนรวย จะมองเห็นหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไป
ส่วนพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผต.ตร. แห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากยังไม่มีความชัดเจนต่อการลงโทษตำรวจสีเทาเหล่านี้ ทำได้แค่โยกย้ายไปที่อื่น ทั้งๆที่มีกฏหมายอาญา ที่จะดำเนินคดีอาญากับตำรวจเหล่านนี้ และ กฏระเบียบข้อบังคับเรื่องการทำความผิดวินัยร้ายแรงตำรวจ ให้ปลดออก ให้ออก หรือไล่ออก ได้ แต่ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ กลับใช้การโยกย้ายแทน ซึ่งไม่ใช่การลงโทษแต่อย่างใด
ก็คงต้องทนกลิ่นเหม็นๆของผู้ร่วมงานที่ใกล็ชิด บางคน และผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติกรรมไปพัวพันกับอาชญากรรม หรือบางคนกลายเป็นโจรเสียเอง คงต้องทนหน่อยนะ เพราะอยู่แค่ปีเดียวเอง เดี๋ยวก็เกษียณแล้ว ท่านเองก็กินเงินเดือนรัฐ โจรในเครื่องแบบก็กินเงินเดือนรัฐเช่นเดียวกับท่าน ท่านมีลูกน้องเขาก็มี ท่านสามารถบังคับใช้กฏหมาย เขาก็สามารถบังคับใช้กฏหมายได้เช่นกัน … เดินไปก็เสียวหลังไป น่าเห็นใจจัง
