ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงเวียดนามในวันอังคาร (12) กับภารกิจกระชับความสัมพันธ์ หลังจากวอชิงตันและฮานอยยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตเพียงไม่กี่เดือน
จีนและเวียดนามมีพรมแดนร่วมกัน รวมถึงมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดและมีพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศ แต่การเดินทางเยือนเป็นเวลา 2 วันของสี จิ้นผิง จะถือเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แวะเยือนกรุงฮานอยเมื่อเดือน ก.ย. ที่เขาพยายามเพิ่มการสนับสนุนการต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของปักกิ่งในภูมิภาค
“จากมุมมองของจีน การเยือนครั้งนี้เน้นย้ำว่าจีนไม่เคยสูญเสียเวียดนามให้กับค่ายคู่แข่ง” เฮือง เล ทู รองผู้อำนวยการโครงการเอเชียของ International Crisis Group กล่าว
“สำหรับเวียดนาม สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ ‘การทูตไม้ไผ่’ ที่สามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกระหว่างประเทศมหาอำนาจที่แข่งขันกันโดยไม่ถูกบังคับให้ต้องเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
หลังจากการต้อนรับอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบประธานาธิบดีในวันอังคาร (12) ผู้นำจีนจะหารือกับเหวียน ฝู จ่อง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองเวียดนาม และในวันพุธ (13) จะมีพิธีวางพวงมาลาที่สุสานโฮจิมินห์ ก่อนที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง และประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง
เวียดนามและจีนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ครอบคลุมร่วมกัน ที่เป็นสถานะทางการทูตระดับสูงสุดของเวียดนาม ซึ่งฮานอยและวอชิงตันได้ยกระดับสู่สถานะเดียวกันนี้ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่าการเยือนครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการหารือในเรื่องการนำความสัมพันธ์ของจีนและเวียดนามไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยประเด็นในการหารือยังรวมถึงการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือในเชิงปฏิบัติ การสร้างประชามติ ประเด็นพหุพาคี และประเด็นปัญหาทางทะเล เป็นต้น
เช่นเดียวกับสหรัฐฯ เวียดนามมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแสดงออกที่ก้าวร้าวมากขึ้นของเพื่อนบ้านในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท
จีนทำให้หลายประเทศในอาเซียนไม่พอใจ รวมถึงฮานอย จากการเปิดตัวแผนที่ทางการฉบับใหม่เมื่อ 1 ก.ย. ที่แสดงอำนาจอธิปไตยเหนือน่านน้ำดังกล่าวเกือบทั้งหมด
ปัญหาเขตแดนทางทะเลเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับฮานอย ที่ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง Barbie ในประเทศเนื่องจากมีการแสดงแผนที่ที่ประกอบด้วยแนวเส้นประ 9 เส้น ที่ใช้ในแผนที่อย่างเป็นทางการของจีน
เหวียน คัก ซาง นักวิจัยทางการเมือง กล่าวกับเอเอฟพีว่า การเยือนของผู้นำจีนเป็นโอกาสสำหรับปักกิ่งที่จะดึงเวียดนามให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการต่างประเทศยุคสี จิ้นผิง ในหลักการของสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
“แม้ว่าเวียดนามจะยังคงระมัดระวังในการเข้าร่วมความริเริ่มทางการเมืองที่นำโดยจีน แต่เราก็สามารถคาดหวังที่จะเห็นความก้าวหน้าเพิ่มเติมในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด” เหวียน คัก ซาง กล่าว
สื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเวียดนามรายงานเมื่อเดือนก่อนว่าบริษัท China Rare Earth Group Co. กำลังมองหาโอกาสที่จะทำงานร่วมกับ Vinacomin ที่เป็นบริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ และเวียดนาม เห็นพ้องกันที่จะร่วมมือเพื่อช่วยเหลือฮานอยหาปริมาณและพัฒนาทรัพยากรแร่หายากของประเทศ.