เวลา 15.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย/ทนายความ จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม ร้องทุกข์กล่าวโทษ กลุ่มบุคคลผู้อยู่เบื้องหลัง หาผลประโยชน์จากเด็ก กรณี “อาจารย์น้องไนซ์” กระทำการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ผิดพรบ.คุ้มครองเด็กหรือไม่ และจะขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง
นายศุภภัทร์พจน์ เปิดเผยว่า การเข้าแจ้งความในวันนี้ต้องการให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะผู้ปกครองและแอดมินกว่า 60 คน ว่ามีการหาผลประโยชน์จากเด็กวัย 8 ขวบ ด้วยการใส่ความรู้ที่ผิดๆ ให้กับเด็ก ๆ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ อาจเข้าข่ายความผิด พรบ.คุ้มครองเด็กหรือไม่ // ส่วนตัวยังเชื่อว่าหลักการการเชื่อมจิต ตามหลักพระพุทธศาสนา ไม่สามารถดำเนินการแทนกันได้ โดยตามหลักพระพุทธศาสนา บุคคลที่จะบรรลุทำได้ต้องเกิดแก่ตนเอง ไม่ใช่ให้บุคคลอื่นมาเป็นผู้กระทำ โดยตนเองขอท้าให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์น้องไนซ์ มาดีเบตกับตนเองได้ทุกรายการหากกล้าพอ เพราะตนเองยังมั่นใจว่า ตามหลักพระพุทธศาสนาไม่มีคำสอนนี้ “ย้ำที่มาร้องวันนี้ไม่ได้โทษเด็กแต่โทษผู้ใหญ่”
นอกจากนี้พบว่ากลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเหล่านี้ ยังเปิดกลุ่มบริจาคเงินเพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรม และเปิดคอร์สอบรมเชื่อมจิตต่างๆ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ที่และเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชน และตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าจะเข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงินหรือไม่ // ยืนยันไม่กังวลหากฝั่งนั้นมีการฟ้องร้องกลับเพราะเชื่อว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง
โดยพร้อมกันนี้ยังขอฝากถึงสำนักพระพุทธศาสนา ขอให้เข้ามาตรวจสอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยเนื่องจาก แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ แต่การนำหลักความเชื่อทางศาสนาพุทธมาใช้ในทางที่ผิดแบบนี้ สำนักพระพุทธศาสนา ในฐานะหน่วยงานที่ต้องคอยกำกับดูแลความถูกต้องของหลักคำสอนทางศาสนา ก็ควรต้องเข้ามาดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลให้ถูกต้อง