เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
นายประยูร บุญเพ็ชร์ อายุ 72 ปี ขับแท๊กซี่ ทะเบียน 1 มข 5986 กทม.พา น.ส.ดวงพร มหัทธนะพฤทธิ์ อายุ 77 ปี พิการหูตึง และนายประเสริฐ ศรีกรุงไกร อายุ 76 ปี พิการตาบอด สองสามีภรรยาเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.ประสงค์จะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับลูกสาวตัวเอง หลังถูกโดนลูกสาวด่าว่าและไล่ออกจากบ้าน หาว่าไม่ทำมาหากิน มาเกาะลูกกิน หากเกิดกรณีเช่นนี้อีกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
น.ส.ดวงพร แม่ผู้พิการหูตึง เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังด้วยความอึดอัดใจ ว่า ตนกับสามีแต่งงานอยู่กินกันมากว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน คนโตเป็นชายถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตไป 20 ปีแล้ว อีก 3 คนเป็นผู้หญิง 2 คนได้ทิ้งพ่อแม่ไปตอนน้ำท่วมใหญ่ ติดต่อไม่ได้อีกเลย เหลือลูกสาวอีกคน ปัจจุบันอายุ 40 ปีเศษ เรียนพยาบาล รับจ้างเฝ้าคนไข้
ที่บ้านตนเคยทำร้านวัสดุก่อสร้าง ตนเองช่วยงานเจียรไม้ เสียงดังจนหูมีอาการหูตึง ส่วนสามีประสบอุบัติเหตุ ต้องขวักลูกนัยตาทิ้งแล้วใส่ตาปลอมแทน ปัจจุบันลงทะเบียนคนพิการ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้ว มีรายได้จากเงินคนพิการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน และเงินคนชราอีกคนละ 800 บาท
ปัจจุบัน ย้ายมาอาศัยอยู่ ที่หมู่บ้านช้างทอง เลขที่ 184 ซ.37 รังสิต-นครนายก 51 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในราคาเดือนละ 4,000 บาท อาศัยเงินคนพิการและเงินคนชราจ่ายเป็นค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ
ส่วนบุตรสาวที่เหลืออีกคนจะออกไปทำงานรับจ้างเฝ้าไข้ 2-3 วันถึงจะกลับมาสักที จะช่วยออกเงินค่าน้ำค่าไฟบ้างเป็นบางเดือน เมื่อกลับมาก็จะขึ้นไปนอนอยู่ชั้นสอง ส่วนตนพ่อแม่สองคนอาศัยชั้นล่าง ส่ววชั้น3-4 น้ำรั่วไหลลงมาอยู่อาศัยไม่ได้
ส่วนเรื่องหากินก็ต่างคนต่างกิน ตนกับสามียังไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เย็นวานนี้
เมื่อวานบุตรสาวเขาไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไรตนกับสามี ด่าว่าหาว่าเราไปเกาะเขากิน ไล่ให้เราออกจากบ้าน
พอเช้าวันนี้ตี 5 ลูกสาวออกไปทำงานแล้ว ตนกับสามีจึงชวนกันออกมาแจ้งความ ทั้งที่ไม่มีเงิน ชาวบ้านเห็นตนสองคนที่ปกติไม่ไปไหน ถามว่าตนจะไปไหน พอรู้เขาสงสารเลยส่งเงินให้ 100 บาท พากันเดินออกจากบ้านใช้เครื่องพยุงและไม้เท้าค่อยๆ เดินกันออกมาจากท้ายหมู้บ้านถึงถนนใหญ่ประมาณ 3 ก.ม.เพื่อเรียกรถแท๊กซี่บอกให้มาส่งที่กองปราบปราม จะมาแจ้งความตำรวจเอาผิดลูกสาวที่ไม่ดูแลบุพการี
พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.และ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ ได้สอบถามและพูดคุยกับสองสามีภรรยาพิการ พร้อมขอเบอร์มือถือบุตรสาวแต่ น.ส.ดวงพร แม่ผู้พิการไม่อยากให้ กลัวว่าจะโดนบุตรสาวด่าหาว่ามาฟ้องตำรวจอีก ก่อนประสานฝ่ายสืบสวนมาร่วมกันตรวจสอบพร้อมหาข้าวน้ำให้ทั้งสองคนรับประทาน
หลังพูดคุยกันอยู่นานกว่าชั่วโมง จน น.ส.ดวงพร ใจเย็นลง เปลี่ยนท่าทีไม่แจ้งความเอาผิดลูกสาว เพราะเห็นแก่อนาคตที่ลูกสาวกำลังจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนหน้า จึงยอมที่จะเดินทางกลับบ้านเช่าที่ จ.ปทุมธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้ประสานเจ้าหน้าที่ พม.ปทุมธานี พร้อมประสานจัดรถวิทยุ (สายตรวจ) กก.สสน.บก.ป.ไปส่งบ้าน สมดั่งคำขวัญ ”กองปราบฯ ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน“ และ ”เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน “