เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จอมพล จตุจักร กทม.
จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พาผู้เสียหาย 5 คน จากทั้งหมด 27 ราย เข้าพบ ร.ต.อ.ทรงวุฒิ นิยมพงษ์ รอง.สว.(สอบสวน)กก.2.บก.ป.แจ้งความเอาผิด“เฮียหมี พระเต่าหลวงปู่หลิว“ เซียนพระชื่อดัง และเป็นลูกชายอดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนึ่งในบ้านโป่ง นอกจากนี้ยังแอบอ้างตัวเป็นพี่ชายเป็นทหารยศใหญ่หลอกลวงฉ้อโกงเงิน ด้วยการชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจ ซื้อขายรถยนต์มือสอง ธุรกิจบ่อดิน ธุรกิจขายสีตีเส้นจราจร ทำถนน และอื่นๆมารู้ทีหลัง ธุรกิจทิพย์ หลายรายโดนหลอกซื้อขายพระเครื่องหลวงปู่หลิว
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนโดนเฮียหมี เซียมพระสายหลวงปู่หลิว หลอกเงินร่วมลงทุนพระเครื่อง ตนแจ้งความไว้แล้ว 2 ปี ที่ สภ.บ้านแพ้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า และบุคคลนี้เป็นผู้มีอิทธิพลแถวบ้านโป่ง เคยลงสมัครนายกเทศมนตรีของอำเภอบ้านโป่ง โดยอ้างว่ามีพี่ชายเป็นนายทหารใหญ่ โดยพฤติการณ์ของเขาคือ หลอกให้ตนเอาเงินไปร่วมลงทุน เช่าหลวงปู่หลิวเนื้อเงิน และจะเอาพระไปปล่อยต่อ เพื่อเอาเงินมาแบ่งกันแต่สุดท้ายตนก็โดนเชิ่ดเงิน ไม่ได้เงินกลับมาเลย และพระที่บอกจะเอามาให้ร่วมลงทุน ตนไปสืบทราบมาว่า พระไม่มีอยู่จริง เขาแค่เอารูปมาแอบอ้างให้เราหลงเชื่อ และรวมลงทุนพระเครื่องกับเขา
ด้านนางแป้ง (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี เจ้าของธุรกิจสปา และ ร้านอาหาร รวมทั้งเป็นเท้าแชร์ เปิดเผยว่าความเสียหายของตนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน พฤติการณ์คือ บุคคลนี้จะทำท่ามาตีสนิทกับตนโอ้อวดว่าเป็นคนรวยมีเงิน แล้วมาชักชวนให้ตนไปเล่นแชร์กับเขา แล้วเขาก็มาขอยืมเงินตน 3 แสนบาท แล้วก็อ้างว่า จะคืนเงินให้ โดยขู่ว่า ห้ามไม่ขึ้นเช็ค ห้ามไปบอกคนอื่น ถึงจะแจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์อ้างว่าเขามีพี่ชายทหารยศใหญ่ โดยตนก็ทนไม่ไหวเลยรีบไปขึ้นเช็คแจ้งความที่ สน.ประเวศ จนผ่านมา 2 ปีแล้ว โดยตนเสียหาย ยอดทั้งหมดทั้งหลอกเล่นแชร์และยืมเงิน 1.8 ล้านบาท
นางแนนซี อายุ 40 ปี โฟนอินมาจากเยอรมัน ผู้เสียหายรายที่ 3 เปิดเผยว่า รู้จักเฮียหมีผ่านเฟซบุ๊ก โดยการติดต่อเช่าพระเครื่องหลวงปู่หลิว จากนั้นเฮียหมี ได้ชักชวนให้ลงทุนด้วยเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ ธุรกิจบ่อดิน ธุรกิจขายสีตีเส้นจราจร ทำถนน โอนเงินมาร่วมลงทุนด้วยหลายครั้ง ตอนแรกๆ ก็แบ่งผลกำไร แต่มาภายหลังไม่มีกำไรแถมเชิ่ดเงินต้นทุนทั้งหมดก่อนจะติดต่อไม่ได้ ตนจึงได้มารู้ว่า โดนหลอก และเขาก็ใช้อุบาย เหมือนกับเคสรายอื่นๆ ว่า เขามีอิทธิพลในพื้นที่ จึงไม่รู้จะทำยังไง ตนอยากได้เงินคืน มูลค่าความเสียหายรวม 4 ล้านบาท
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แยกสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าเกิดเหตุหลายท้องที่ และมีการแจ้งความท้องที่เกิดเหตุแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นรายเดียวกันหมด ก่อนจะประสานให้พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุเร่งรัดคดีเรียกผู้ถูกกล่าวหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป