แผนกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2024 ของจีน ต้องการการเติบโตของ GDP แบบมีคุณภาพ (Replacing high-speed growth with high-quality growth) ครอบคลุมเป้าหมายที่กว้างขึ้น เช่น การส่งเสริมการเกษตรและงานในชนบท, การพัฒนาความเจริญระดับภูมิภาค, การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และ การเชื่อมต่อกับโลกทั้งใบแบบมียุทธศาสตร์ร่วมกัน
ปธน.สี จิ้นผิง เคยประกาศเมื่อวันชาติครบรอบ 70 ปีว่า “ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความก้าวหน้าของจีน” โดยจีนจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรและชนบทเป็นอันดับแรก รวมทั้งขยายผลความสำเร็จในการบรรเทาความยากจนและทำให้แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างรากฐานสำหรับความมั่นคงด้านอาหารในทุกด้าน เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูชนบทให้ถ้วนทั่ว ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับภูมิภาคที่มีการประสานกับยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคที่สำคัญ ทำให้เป็นเมืองใหม่อย่างทั่วถึง คำนึงถึงกฎ ระเบียบ การจัดการ และมาตรฐาน ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของโครงการความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)
ในปี 2024 “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยังเป็นหัวใจหลักในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจจีนกับทั่วโลก เนื่องจากเป็นการหลอมรวมจิตวิญญาณเกิดผลงานที่จับต้องได้ กลายเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะที่ได้รับการตอบรับด้วยความยินดีสูงสุดในระดับโลก สร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือระดับสากลที่ใหญ่ที่สุด นำมาซึ่งการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยประโยชน์อย่างแท้จริงในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นผลสำเร็จที่ประจักษ์ชัดในประเทศต่างๆที่เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมเส้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟจีน-ลาว รถไฟความเร็วสูงในอินโดนีเซีย รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน หรือรถไฟจีน-ยุโรป เป็นต้น ได้กระตุ้นความสัมพันธ์ทางการค้าและเชื่อมประสานแหล่งทุน สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันในระดับประชาชนอันนำมาซึ่งความผาสุข โดยมุ่งรณรงค์สร้างความร่วมมือแบบ “คว้าชัยชนะร่วมกัน” เพื่อสร้างสรรค์ประชาคมแห่งโชคชะตาร่วมกันแห่งมวลมนุษยชาติ ซึ่งในอนาคต ประเทศจีนจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาเช่นนี้อย่างต่อเนื่องและมีความสม่ำเสมอ
ข้อมูลจากรัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่นำเสนอแผนริเริ่มฯ เมื่อปี 2013 มีการลงนามเอกสารความร่วมมือกับมากกว่า 150 ประเทศ และ 30 องค์กรระหว่างประเทศ การดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างจีนและหุ้นส่วนต่างชาติกว่า 3,000 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36.12 ล้านล้านบาท) สร้างงานอย่างน้อย 420,000 อัตรา และช่วยประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนหลายสิบล้านคนตามข้อมูลของธนาคารโลก
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จีนชี้ให้เห็นว่า BRI เป็นถนนสาธารณะที่เปิดสำหรับทุกคน ไม่ใช่เส้นทางส่วนตัวที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของ เป็นอิสระจากการเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกลุ่มพิเศษ และไม่มีเป้าหมายไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้ก่อตัวขึ้นตามมาตรฐานทางอุดมการณ์เฉพาะ ไม่มีเจตนาที่จะสร้างพันธมิตรทางทหาร แต่เปิดกว้างให้ประเทศจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมในโครงการ โดยไม่คำนึงถึงระบบการเมือง ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อุดมการณ์ หรือความเชื่อทางศาสนา ตราบใดที่พวกเขาแสวงหาการพัฒนาร่วมกัน ยึดมั่นในหลักการของการเปิดกว้างแบบไม่แบ่งแยก ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างภูมิทัศน์สามมิติที่รอบด้านของการเชื่อมต่อระหว่างกัน
ปัจจุบัน BRI ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยมีความครอบคลุมมากที่สุด ตั้งแต่การประสานงานเชิงนโยบายไปจนถึงการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน การค้าที่ไม่มีอุปสรรค การรวมกลุ่มทางการเงิน และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความร่วมมือ BRI ได้มอบผลประโยชน์ที่แท้จริงให้กับประเทศที่เข้าร่วม มีส่วนช่วยในการพัฒนาโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจให้ดี ช่วยแก้ไขความท้าทายในการพัฒนาระดับโลก และปรับปรุงระบบธรรมาภิบาลระดับโลก