“…จีนตั้งเป้าผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวม (核聚变 nuclear fusion) ให้ได้ภายในปี คศ.2049 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และคนจีนก็จะได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูกเป็นชาติแรกของโลก จีนจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์อารยธรรมโลกครั้งใหญ่และครั้งสำคัญที่สุด เพราะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพลังงานที่จำกัดในธรรมชาติกับความต้องการการพัฒนาที่ไม่จำกัดของมวลมนุษยชาติได้เป็นครั้งแรก นั่นหมายถึงว่า คนเราสามารถสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นใช้เองบนผิวโลกของเรานี้ อันเป็นความใฝ่ฝันมานานเกือบศตวรรษแล้วของนักวิทยาศาสตร์ท้่วโลก เมื่อทุกแห่งหนทั้งบนผิวโลกและบนวงโคจรอวกาศมีไฟฟ้าใช้อย่างไร้ขีดจำกัด จากการติดตั้งดวงอาทิตย์เทียมที่สามารถทำได้ทุกแห่ง แม้แต่ในยานอวกาศที่ท่องไปทั่วทั้งระบบสุริยะก็จะมีพลังงานป้อนเข้าสู่ระบบอย่างไม่ขาดสาย เมื่อนั้นมนุษยชาติที่อาศัยพลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างมลพิษรอบตัวก็จะสิ้นสุดลง โลกของเราจะก้าวเข้าสู่ยุคโลกสะอาด สวยงามตามธรรมชาติได้อย่างแท้จริง…”
พลังงานนิรันดร 永恒能源
ข่าวใหญ่ที่ไม่ค่อยเตะตา แต่มีความหมายมากที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติ คือการประกาศอย่างเป็นทางการของจีนที่ว่า จีนตั้งเป้าผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวม (核聚变 nuclear fusion) ให้ได้ภายในปี คศ.2049 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
หากเป็นจริง คนจีนก็จะได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูกเป็นชาติแรกของโลก
ปัจจุบันจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวมถึงระดับนำของโลกแล้วด้วยเครื่องโทคาแม็คหรือ “ดวงอาทิตย์เทียม” ที่มณฑลอันฮุยและซื่อชวน มีผลการทดลองที่น่าพอใจ ประชันกับการวิจัยทดลองของสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งยังไม่มีประเทศใดประกาศชัดเจนว่าจะสามารถผลิตออกมาเป็นกระแสไฟฟ้าได้เมื่อไหร่
เหตุใดจีนจึงกล้าประกาศออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้?
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจีนด้วยกัน เห็นว่าการประกาศเช่นนี้ หมายถึงว่าจีนได้ก้าวผ่านอุปสรรคสำคัญในการสร้างความร้อนภายในเครื่องจนถึงระดับที่นิวเคลียสของธาตุไฮโดรเจนสามารถหลอมรวมกันเข้าเป็นธาตุฮีเลียมจนเกิดพลังานมหาศาลแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการทำให้ได้จริงในปริมาณที่มากพอสำหรับป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องโหมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์สำคัญยิ่งยวดนี้
เปรียบเสมือนทีมฟุตบอลที่รุกถึงหน้าประตูฝ่ายตรงข้ามแล้วหัวหน้าทีมกวักมือส่งสัญญาณให้กองหน้ากองกลางดาหน้าไปยังหน้าประตูพร้อมกับเหนี่ยวไกยิงเต็มที่เพื่อเผด็จศึกให้เด็ดขาด
มาตรการรูปธรรมที่ปรากฏออกมาให้ชาวโลกเห็นก็คือ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทพลังงานนิวเคลียร์จีน (中核集团）ได้ประกาศการก่อตั้งบริษัทนิวเคลียร์ฟิวชันแห่งประเทศจีน (中国聚变公司）ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับกำหนดแนวทางการพัฒนาพลังงานแบบนิวเคลียร์ฟิวชันให้เป็นเพียงแนวทางเดียวเท่านั้นที่จีนจะดำเนินการ
โดยนัยก็คือ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ประเทศจีนจะรวมกำลังทุกฝ่าย ระดมทรัพยากรทุกด้าน ทั้งด้านเงินทุน บุคลากร เทคโนโลยีและตลาดไปในการเปิดเส้นทางไปสู่เส้นชัย โดยไม่วอแวไปทางด้านอื่นใดทั้งสิ้น
ผู้เชี่ยวชาญจีนมองว่ามาตรการเช่นนี้ แสดงว่าจีนประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจแล้วในช่วงของการทดลอง จึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจะเป็นชาติแรกที่ตีป้อมค่ายเชิงประวัติศาสตร์นี้ได้สำเร็จ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่โรงงานและครัวเรือน ตลอดจนทุกมิติการขับเคลื่อนของสังคมมนุษย์โดยรวม
นั่นหมายถึงว่าจีนได้พลิกหน้าประวัติศาสตร์อารยธรรมโลกครั้งใหญ่และครั้งสำคัญที่สุด เพราะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพลังงานที่จำกัดในธรรมชาติกับความต้องการการพัฒนาที่ไม่จำกัดของมวลมนุษยชาติได้เป็นครั้งแรก
ที่จะทำได้เช่นนี้ ก็เพราะเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันแบบห้องสูญญากาศมวลแม่เหล็กแรงสูง “โทคาแม็ค” สามารถนำธาตุที่หาได้ทั่วไปในทะเลเช่น ไฮโดรเจนมาเป็นวัตถุดิบ หลอมรวมกันเข้าด้วยความร้อนยิ่งกว่าใจกลางของดวงอาทิตย์ และเกิดพลังงานอันเกิดจากการหลอมรวมนั้นอย่างมหาศาล แต่ก็อยู่ในการควบคุมของคนเรา
นั่นหมายถึงว่า คนเราสามารถสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นใช้เองบนผิวโลกของเรานี้ อันเป็นความใฝ่ฝันมานานเกือบศตวรรษแล้วของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และเป็นความต้องการสูงสุดของชาวโลกโดยรวม เพราะความสำเร็จครั้งนี้ จะพลิกชีวิตของประชากรโลกแบบเบ็ดเสร็จ จากความขาดแคลนเป็นสมบูรณ์ จากความล้าหลังเป็นก้าวหน้า จากการเบียดเบียนเป็นเอื้อเฟื้อ จากการแก่งแย่งเป็นเจือจาน เพราะเมื่อทุกแห่งหนทั้งบนผิวโลกและบนวงโคจรอวกาศมีไฟฟ้าใช้อย่างไร้ขีดจำกัด จากการติดตั้งดวงอาทิตย์เทียมที่สามารถทำได้ทุกแห่งแม้แต่ในยานอวกาศที่ท่องไปทั่วทั้งระบบสุริยะ ก็จะมีพลังงานป้อนเข้าสู่ระบบอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อนั้น อารยธรรมมวลมนุษยชาติที่อาศัยพลังงานจากไม้ฟืน ถ่านหิน น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างมลพิษรอบตัวก็จะสิ้นสุดลง โลกของเราจะก้าวเข้าสู่ยุคโลกสะอาด สวยงามตามธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
ความก้าวหน้าและดีงามของสังคม และความสะอาดสวยงามของธรรมชาติลักษณะนี้ ย่อมจะปรากฏขึ้นในประเทศจีนเป็นเบื้องต้นเป็นแน่แท้ ภายในอีกไม่นานเกินรอ เพียงราว 20 ปีกว่าๆ เท่านั้นเอง
