ปัจจุบัน BRICS มีสมาชิกแล้วทั้งสิ้น 10 ประเทศ รวมจำนวนประชากรคิดเป็นสัดส่วน 40% ของประชากรโลก มีเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก และยังมีอีกหลายประเทศแสดงเจตน์จำนงขอร่วมเป็นสมาชิกในปี 2024 นี้
ในอดีตการรวมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจจะเกิดจากประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือประเทศพัฒนาแล้ว เช่น กลุ่ม จี 7 หรือ Group of Seven คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และ ญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละประเทศมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ในระดับ Top 10 ของโลก เมื่อมารวมตัวกันย่อมมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการต่อรองเหนือกว่าโลกทั้งใบ
แต่วันดีคืนดีได้เกิดการรวมกลุ่มของประเทศกำลังพัฒนา โดยจีนเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ที่ชื่อว่า “BRICS” จากจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2009 ด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ประกอบด้วย Brazil (B) Russia (R) India (I) และ China (C) เรียกตัวเองว่าประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด (Emerging Market) ต่อมาได้เปิดรับ South Africa หรือ “แอฟริกาใต้” เข้าเป็นสมาชิก BRIC ซึ่งเป็นการเติมตัว S (South Africa) ต่อท้าย เป็น BRICS
และนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 กลุ่มประเทศ BRICS ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ 5 ชาติอย่างเป็นทางการประกอบด้วย อียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ปัจจุบัน BRICS มีสมาชิกแล้วทั้งสิ้น 10 ประเทศ รวมจำนวนประชากรคิดเป็นสัดส่วน 40% ของประชากรโลก มีเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ BRICS เทียบเคียงกลุ่มจี7 ซึ่งยังมีอีกหลายประเทศแสดงเจตน์จำนงขอร่วมเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง
สีจิ้นผิง ให้นิยามโลกใหม่ใบนี้ว่า เป็นประวัติศาสตร์และจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับความร่วมมือ การขยายตัวดังกล่าวสะท้อนปณิธานของกลุ่มประเทศบริกส์ ในการรวมตัวและร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาแห่งอื่นๆ ตอบสนองความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ เป็นผลประโยชน์ร่วมของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา การขยายตัวนี้ยังอัดฉีดพลังความมีชีวิตชีวาสดใหม่ สู่กลไกความร่วมมือของกลุ่มประเทศบริกส์ เสริมสร้างกำลังสำหรับสันติภาพและการพัฒนาของโลกต่อไป
นโยบายของ BRICS มีเป้าหมายต้องการสร้างกลุ่มการค้าพึ่งพากันและกัน มีกฎระเบียบเปิดกว้างให้ทุกประเทศมีสิทธิมีเสียงโดยไม่เอื้อประโยชน์กับประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยมองว่าทุกประเทศเท่าเทียมกันไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก นั่นทำให้ BRICS เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สมาชิกใช้สกุลเงินท้องถิ่นสำหรับชำระสินค้านำเข้าระหว่างกัน เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์ ในอนาคตอาจพิจารณาสร้างสกุลเงินชนิดใหม่ขึ้นมาใช้ร่วมกันสำหรับการชำระด้านการค้าระหว่างประเทศ หรืออาจจะเป็นเงินสกุลคริปโตเคอร์เรนซีก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ผู้นำจีนยืนยันว่า BRICS คือการสร้างระเบียบโลกที่มีความเป็นธรรมและความเสมอภาคมากขึ้น “การใช้อำนาจครอบงำไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของจีน” นอกจากนี้จีนไม่ปรารถนาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเป็นมหาอำนาจ หรือ สร้างการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มใดๆ
ปี 2024 BRICS ยังโชว์ความก้าวหน้าของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่นี้อีกอย่างน่าจับตามอง